ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น. วันพฤหัสบดี 2 มกราคม 2563

02 มกราคม 2563, 07:31น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น. วันพฤหัสบดี 2 มกราคม 2563



นายกฯ ห่วงใยผู้ประสบวาตภัย 6 จังหวัดภาคเหนือ กำชับเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือ



           พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เกี่ยวกับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 6 จังหวัดภาคเหนือ รวม 20 อำเภอ 50 ตำบล 202 ชุมชน/หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 6,782 หลัง พื้นที่ทางการเกษตร ได้รับความเสียหาย 12,365 ไร่  ได้แก่ จ.ลำปาง เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ แพร่ และลำพูน  



           นายกรัฐมนตรี กำชับให้ ปภ.ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่าย เครื่องอุปโภคบริโภค และอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน รวมถึงช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย ด้วยการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจประเมินและจัดทำบัญชีข้อมูลความเสียหาย 



          สำหรับสภาพอากาศในวันนี้ ตอนบนอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาฯ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนช่วง 3-5 ม.ค.63 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนเข้าปกคลุมเหนือตอนบนและอีสานตอนบน ทำให้บริเวณเหนือตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงได้



ศปถ.สรุปยอดอุบัติเหตุ-เจ็บ-ตาย ช่วง 7 วันอันตราย รวม 5 วันเกิดอุบัติเหตุ 2,529 ครั้ง ตาย 256 ศพ เจ็บอีก 2,588 ราย



          วันนี้ยังต้องติดตามต่อเนื่องถึงจำนวนยอดผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วง ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ นายวีระ แข็งกสิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ (ศปถ.) พ.ศ. 2563 เปิดเผยว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 31 ธ.ค. 62 ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" เกิดอุบัติเหตุ 542 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 42 ราย ผู้บาดเจ็บ 567 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 32.29 ขับรถเร็ว ร้อยละ 29.52 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถ จยย. ร้อยละ 80.97 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 63.10 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.82 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.42 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01- 20.00 น. ร้อยละ 27.49 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 24.96



          ทั้งนี้ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,043 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,072 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 1,030,105 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 236,341 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 65,105 ราย ไม่มีใบขับขี่ 55,230 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 18 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ระนอง ยโสธร และสกลนคร จังหวัดละ 3 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 21 คน          



            สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ ตั้งแต่วันที่ 27- 31 ธ.ค. 62 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,529 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 256 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 2,588 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต มี 11 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ 76 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 12 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ 77 คน



            จากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ทำให้จนถึงปัจจุบันมีอุบัติเหตุลดลง 229 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 8.30 ขณะที่ผู้บาดเจ็บ ลดลง 240 ราย คิดเป็นร้อยละ 8.49 ผู้เสียชีวิตลดลง 72 ราย คิดเป็นร้อยละ 21.95 การดำเนินการของทุกภาคส่วนเป็นที่น่าพอใจ



          ด้าน นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า คดีที่เข้าสู่กระบวน การคุมความประพฤติทั่วประเทศของวันที่ 31 ธ.ค.62 มีทั้งสิ้น 3,703 คดี แบ่งเป็นขับรถขณะเมาสุรา 3,701 คดี คิดเป็นร้อยละ 99.95 และคดีขับรถประมาท 2 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.05 ส่วนยอดสะสมสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมประพฤติ 5 วัน ระหว่างวันที่ 27-31 ธ.ค. 62 มีทั้งสิ้น 8,711 คดี แบ่งเป็นขับรถขณะเมาสุรา 8,557 คดี ขับเสพ 139 คดี ขับซิ่ง-แข่งรถ 1 คดี และขับรถประมาท 14 คดี จังหวัดที่มีคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จำนวน 507 คดี กรุงเทพมหานคร จำนวน 484 คดี และจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 476 คดี



          อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวอีกว่า เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติ สะสม 5 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 กับ 2563 พบว่า ขับรถขณะเมาสุรา ปี 62 มี 6,004 คดี ปี 63 มี 8,557 คดี เพิ่มขึ้น 2,553 คดี คิดเป็นร้อยละ 42.52 นอกจากนี้ได้ตรวจสอบประวัติคดีขับรถขณะเมาสุราต่อเนื่อง 3,145 คดี มีผู้กระทำผิดซ้ำ 124 คดี

 



ทล.เพิ่มเจ้าหน้าที่อีกกว่า 3,000 คนรับรถเข้าเมือง

          นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมดูแลประชาชนที่จะเดินทางจากต่างจังหวัดกลับเข้ากรุงเทพฯ หากมีปริมาณผู้โดยสารเดินทางมากกว่าที่มีการประมาณการณ์ให้เพิ่มเสริมรถมาตรฐาน 30 รองรับขนส่งทันที องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เตรียมพร้อมรถที่จะรับผู้โดยสารออกจากสถานีขนส่งมาเชื่อมต่อระบบขนส่งทางด้านนอกสถานีเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า ในส่วนกรมทางหลวง ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มอีกกว่า 3,000 คน รวมกว่า 10,000 คน อำนวยความสะดวกตลอดเส้นทางสายหลักจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ ตลอดเส้นทาง 24 ชม. คาดว่าวันนี้จะมีประชาชนเดินทางทางรถกลับกรุงเทพฯและปริมณฑลประมาณ 1.3 ล้านคัน เข้ามาทำงานวันพรุ่งนี้  

 



การเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ภูเก็ต เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

          ท่าอากาศยานดอนเมือง ประมาณการเที่ยวบินและผู้โดยสารที่ขออนุญาตทำการบิน ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2562 - 2 มกราคม 2563 มีจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 6,846 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 761 เที่ยวบิน คาดว่ามีจำนวนผู้โดยสารรวม 1,899,000 คน เฉลี่ยวันละ 121,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน และคาดว่าจะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการมากที่สุดในวันที่ 30 ธันวาคม 2562

          จากสถิติล่าสุดพบว่า ภาพรวมปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสาร 6 วัน ปริมาณจราจรใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้ แต่มีเที่ยวบินต่ำกว่าที่ประมาณการในทุกท่าอากาศยาน ขณะที่จำนวนผู้โดยสารมีเพียงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและภูเก็ตที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 

          ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกในการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงเทศกาลที่มีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก มีบริการรถเข็นสำหรับผู้สูงอายุ และปรับปรุง Bus Gate เพิ่มรถเข็นกระเป๋า และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่บริการยกกระเป๋าหน้าอาคารจอดรถ ห้ามรถแท็กซี่และรถยนต์ส่วนบุคคลจอดแช่เด็ดขาด เพราะเป็นต้นเหตุทำให้การจราจรติดขัด ผู้โดยสารสามารถเลือกเดินทางต่อจากสนามบินได้หลายช่องทาง ทั้งรถชัทเทิลบัส รถโดยสารสาธารณะ หรือรถแท็กซี่ ตามจุดบริการจนถึงขณะนี้ประชาชนที่กลับจากภูมิลำเนา และนักท่องเที่ยวที่กลับจากจังหวัดต่างๆ เริ่มทยอยกันมามากขึ้น เห็นได้จากบริเวณด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร คนเริ่มแน่นแล้ว

ข่าวทั้งหมด

X