ทล.เพิ่มเจ้าหน้าที่อีกกว่า 3,000 คนรับรถเข้าเมือง
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมดูแลประชาชนที่จะเดินทางจากต่างจังหวัดกลับเข้ากรุงเทพฯ หากมีปริมาณผู้โดยสารเดินทางมากกว่าที่มีการประมาณการณ์ให้เพิ่มเสริมรถมาตรฐาน 30 รองรับขนส่งทันที องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เตรียมพร้อมรถที่จะรับผู้โดยสารออกจากสถานีขนส่งมาเชื่อมต่อระบบขนส่งทางด้านนอกสถานีเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า ในส่วนกรมทางหลวง ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มอีกกว่า 3,000 คน รวมกว่า 10,000 คน อำนวยความสะดวกตลอดเส้นทางสายหลักจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ ตลอดเส้นทาง 24 ชม. คาดว่าวันนี้จะมีประชาชนเดินทางทางรถกลับกรุงเทพฯและปริมณฑลประมาณ 1.3 ล้านคัน เข้ามาทำงานวันพรุ่งนี้
การเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ภูเก็ต เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ท่าอากาศยานดอนเมือง ประมาณการเที่ยวบินและผู้โดยสารที่ขออนุญาตทำการบิน ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2562 - 2 มกราคม 2563 มีจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 6,846 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 761 เที่ยวบิน คาดว่ามีจำนวนผู้โดยสารรวม 1,899,000 คน เฉลี่ยวันละ 121,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน และคาดว่าจะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการมากที่สุดในวันที่ 30 ธันวาคม 2562
จากสถิติล่าสุดพบว่า ภาพรวมปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสาร 6 วัน ปริมาณจราจรใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้ แต่มีเที่ยวบินต่ำกว่าที่ประมาณการในทุกท่าอากาศยาน ขณะที่จำนวนผู้โดยสารมีเพียงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและภูเก็ตที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกในการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงเทศกาลที่มีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก มีบริการรถเข็นสำหรับผู้สูงอายุ และปรับปรุง Bus Gate เพิ่มรถเข็นกระเป๋า และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่บริการยกกระเป๋าหน้าอาคารจอดรถ ห้ามรถแท็กซี่และรถยนต์ส่วนบุคคลจอดแช่เด็ดขาด เพราะเป็นต้นเหตุทำให้การจราจรติดขัด ผู้โดยสารสามารถเลือกเดินทางต่อจากสนามบินได้หลายช่องทาง ทั้งรถชัทเทิลบัส รถโดยสารสาธารณะ หรือรถแท็กซี่ ตามจุดบริการจนถึงขณะนี้ประชาชนที่กลับจากภูมิลำเนา และนักท่องเที่ยวที่กลับจากจังหวัดต่างๆ เริ่มทยอยกันมามากขึ้น เห็นได้จากบริเวณด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร คนเริ่มแน่นแล้ว
กรมคุมประพฤติ เผยยอดเมาแล้วขับคืนส่งท้ายปี 8,744 คน
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยปริมาณคดีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ที่เข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นทั่วราชอาณาจักร ในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ 2563 ว่า สถิติความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ของกลุ่มศาลอาญา กลุ่มศาลจังหวัด กลุ่มศาลแขวง ประจำวันที่ 31 ธันวาคม 2562 จำนวนคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณา 9,179 คดี จังหวัดที่มีปริมาณคดีขึ้นสู่การพิจารณาสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพฯ จำนวน 375 คดี นครราชสีมา จำนวน 368 คดี ร้อยเอ็ด จำนวน 348 คดี เชียงใหม่ จำนวน 325 คดี สกลนคร จำนวน 295 คดี ข้อหาที่มีการกระทำความผิดสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 8,744 คน ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต จำนวน 1,354 คน ขับรถประมาท จำนวน 11 คน
ส่วนการพิจารณาคดีระหว่างวันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2562 ข้อหาที่มีการกระทำความผิดสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 18,314 คน ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต จำนวน 2,947 คน ขับรถขณะเสพยาเสพติด จำนวน 259 คน
ค่าเงินบาทแข็งค่า กระทบเที่ยวไทย แนะปรับรูปแบบท่องเที่ยวให้แปลกใหม่
นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การท่องเที่ยวไทยเมื่อปี 2562 เติบโตมากขึ้นกว่าปี 2561 ร้อยละ 2 โดยมียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 39.8 ล้านคน สร้างรายได้เม็ดเงินเข้าประเทศกว่า 2.22 ล้านล้านบาท ขณะที่ ไทยเที่ยวไทยอยู่ที่ 170 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้ 1.1 ล้านล้านบาท ยอมรับว่าปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัว มีผลกระทบต่อภาพรวมการท่องเที่ยวไทย เพราะการจับจ่ายซื้อสินค้าในนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจลดลง เตรียมปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ค่าเงินที่แลกเปลี่ยนมีมูลค่าลดลงไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นภาคการท่องเที่ยวต้องเน้นการปรับตัวสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในการเดินทางท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะประทับใจเมื่อเข้าไทย เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยอมจ่ายเม็ดเงินจำนวนมากเพื่อแลกกับประสบการณ์ที่แตกต่างและมีความคุ้มค่ามากกว่า ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวคิดการท่องเที่ยวของไทยที่เน้นเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของท้องถิ่น
ฝ่ายค้าน คาดอภิปรายไม่ไว้วางใจหลัง 25 ม.ค.
ความคืบหน้าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน สภาผู้แทนราษฎร กล่าว ว่าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแน่นอน แต่จะรอให้เรื่องของการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เสร็จสิ้นก่อน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ คาดว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 8-10 ม.ค.ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ภายในวันที่ 13-14 ม.ค. และจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หลังวันที่ 25 ม.ค.แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประธานสภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาบรรจุวาระหรือไม่ ส่วนประเด็นในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจขณะนี้อยู่ระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านรวบรวมประเด็นปัญหา จากนั้นจึงจะพิจารณาว่าจะยื่นอภิปรายบุคคลใดบ้าง แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีรายชื่อแน่นอน เนื่องจากไม่สามารถบริหารประเทศให้ผ่านพ้นปัญหาได้ และมีหลายเรื่องที่ดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎหมาย
ผู้ชุมนุมฮ่องกง ยุติการเดินขบวนประท้วง
หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชนา มอร์นิ่ง โพสต์ของฮ่องกง รายงานอ้างนายชาน อายุ 25 ปี หนึ่งในผู้ประท้วงชาวฮ่องกงว่า การเดินขบวนประท้วงของชาวฮ่องกงหลายหมื่นคนในวันปีใหม่เกิดเหตุรุนแรงขึ้น เนื่องจากผู้ประท้วงหัวรุนแรงบางคนปิดถนน ทุบทำลายอาคารของสาขาแห่งหนึ่งของธนาคาร HSBC ในเขตหว่านไจ๋ และขว้างระเบิดเพลิงใส่ตำรวจๆตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาสลายการประท้วงพร้อมจับกุมผู้ประท้วงหลายราย ทำให้การเดินชุมนุมประท้วงต้องยุติลง
เหตุรุนแรงดังกล่าวทำให้ตำรวจสั่งให้นายจิมมี ชาม แกนนำกลุ่มซิวิล ฮิวแมน ไรท์ส ฟรอนท์ ผู้จัดการประท้วง ยกเลิกการจัดกิจกรรมในวันนี้ทั้งหมด ฝ่ายแกนนำได้ปฏิบัติตามคำสั่งของตำรวจสั่งให้ผู้ประท้วงแยกย้ายกันกลับบ้าน ขอให้กลุ่มผู้ประท้วงช่วยกันดูแลเด็กและผู้สูงอายุให้ดีด้วย พร้อมแนะนำให้นั่งรถไฟกลับบ้านจากสถานีรถใต้ดินของ MTR สถานีทินหัว คอสเวย์เบย์ หว่านไจ๋ แอดมิรัลตีและสถานีเซ็นทรัล ซึ่งผู้ประท้วงส่วนใหญ่ปฏิบัติตามคำสั่งของแกนนำ เริ่มทยอยกลับ
ก่อนหน้านี้ ผู้ประท้วงได้เดินขบวนจากวิคตอเรีย พาร์คในเขตคอสเวย์เบย์ไปยังถนนชาร์เตอร์ในย่านเซ็นทรัล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลฮ่องกงปฏิบัติตามข้อเรียกร้องรวมถึงการไต่สวนการใช้ความรุนแรงของตำรวจในการสลายการประท้วง การปล่อยตัวผู้ประท้วงที่ถูกจับและการปฏิรูปการเมือง
แฟ้มภาพ