ชาวออสเตรเลีย ลงชื่อขอยกเลิกการจุดพลุเฉลิมฉลองปีใหม่
การเตรียมงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ปีนี้ออสเตรเลีย เกิดไฟป่า อุณหภูมิสูงขึ้น มีประชาชนลงชื่อกว่า 280,000 คน ขอให้ยกเลิกการแสดงดอกไม้ไฟ เนื่องจาก เกิดเหตุไฟป่ารุนแรงหลายร้อยจุดทั่วประเทศ ควันพิษจากไฟป่าก็ลอยปกคลุมนครซิดนีย์มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ตามปกติทุกปีแล้วนครซิดนีย์ จะจุดดอกไม้ไฟที่มีความยิ่งใหญ่งดงามเหนือบริเวณอ่าวซิดนีย์ แต่ปีนี้การแสดงดอกไม้ไฟเพื่อฉลองปีใหม่ถูกบดบังด้วยกระแสเรียกร้องให้ยกเลิกการแสดงดอกไม้ไฟ การแสดงดอกไม้ไฟ ถูกยกเลิกไปแล้วที่กรุงแคนเบอร์รา นครหลวงของออสเตรเลียและที่บริเวณชานเมืองซิดนีย์ด้านตะวันตก เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้ไฟป่าลุกลามมากขึ้นและสภาพอากาศร้อนจัด
เจ้าหน้าที่ดับเพลิง กล่าวว่า หากการจุดดอกไม้ไฟเหนือน้ำทะเลถือว่าปลอดภัย ผู้ที่ไม่เห็นด้วยหลายคนต้องการให้นครซิดนีย์นำเงินที่ใช้ในการแสดงดอกไม้ไฟ 6.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ ประมาณ135 ล้านบาทมาใช้ดับไฟป่า แต่เจ้าหน้าที่ กล่าวว่า งานแสดงดอกไม้ไฟมีมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 130 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ ประมาณ 2,715 ล้านบาท และการยกเลิกก็ไม่ได้ช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากไฟป่า
ฮ่องกง เริ่มประท้วงส่งท้ายปีเก่าต่อเนื่องจนถึงสุดสัปดาห์
กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยฮ่องกง เริ่มเดินขบวนในวันส่งท้ายปีเก่าหลายจุดรอบ ๆ เมืองแล้ว สื่อออนไลน์ในฮ่องกง เผยแพร่ข้อมูลรายละเอียดการเชิญชวนชุมนุมในวันนี้ มีการเรียกร้องให้ผู้ประท้วงสวมหน้ากากเข้าร่วมเดินขบวนวันนี้ที่ใช้ชื่อเรียกว่า “อย่าลืม 2019-ยืนหยัด 2020” นางแครี แลม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ปราศรัยเนื่องในวันขึ้นปีใหม่เป็นเวลา 3 นาทีว่า ความไม่สงบในฮ่องกงที่ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 6 เดือน ทำให้เกิดความโศกเศร้า ความวิตกกังวล ความผิดหวังและความโกรธ ขอเชิญชวนให้เริ่มปีใหม่ด้วยการนำความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาและสร้างความปรองดองในสังคม เพื่อเริ่มต้นใหม่ด้วยกันอีกครั้ง ขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยมีแผนที่จะจัดการประท้วงอีกหลายแห่ง เช่น ที่บริเวณย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ลานไควฟง ที่อยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมือง บริเวณจุดเดินเล่นใกล้กับอ่าววิกตอเรีย ฮาร์เบอร์ และที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า ตำรวจเตรียมเจ้าหน้าที่มากกว่า 6,000 นาย รับมือกับเหตุไม่สงบที่อาจเกิดขั้นในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ส่วนวันปีใหม่พรุ่งนี้ คาดว่า ประชาชนหลายหมื่นคนจะร่วมการเดินขบวนใหญ่เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยหลังจากได้รับอนุญาตจากตำรวจแล้ว
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง ได้รับรายงานว่าอาจมีเหตุการณ์ชุมนุมประท้วง ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ วันพุธที่ 1 ม.ค. 2563 และวันศุกร์ที่ 3 ม.ค. 2563 หลายจุดทั้งย่านท่องเที่ยวและตามห้างสรรพสินค้า สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอให้คนไทยในฮ่องกงและนักท่องเที่ยวไทยในฮ่องกง หลีกเลี่ยงการเดินทางหรือเข้าใกล้สถานที่ที่มีการชุมนุมประท้วง และใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเผื่อเวลาเดินทางทั้งทางรถยนต์และรถไฟ MTR
กรมการขนส่งทางบก เผยยอดร้องเรียนรถสาธารณะกว่า 200 ราย
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 26- 29 ธันวาคม 2562 ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับรถโดยสารสาธารณะ จำนวน 241 ราย ความผิดส่วนใหญ่ ได้แก่ ขับรถประมาทหวาดเสียว ทิ้งผู้โดยสาร ไม่จอดรับผู้โดยสาร ผู้ประจำรถแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ แต่งกายไม่เรียบร้อย กรมการขนส่งทางบก เร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดมาสอบสวนและดำเนินการลงโทษตามกฎหมายทุกรายในทุกกรณีความผิด พร้อมกำชับผู้ประกอบการและพนักงานขับรถและผู้ประจำรถทุกคนนำประเด็นร้องเรียนต่างๆ ไปปรับปรุง แก้ไขปัญหาการให้บริการอย่างทันที ทั้งนี้ หากประชาชนหรือผู้โดยสารพบปัญหาจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ พบการกระทำความผิด เรียกเก็บค่าโดยสารเกินกำหนด หรือมีพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตราย แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 (ชั่วคราว) ที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งทั่วประเทศ หรือ โทร.1584 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ขอให้ผู้ร้องเรียนระบุรายละเอียดรถและผู้ขับรถคันที่กระทำความผิด เช่น หมายเลขทะเบียนรถ ชื่อ-นามสกุลผู้ขับรถ จะทำให้ติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้อย่างรวดเร็ว
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก มีมาตรการลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมายขั้นสูงสุดทุกกรณี พร้อมส่งตัวเข้ารับการอบรมเพื่อสร้างจิตสำนึกการให้บริการ และบันทึกประวัติการกระทำผิดไว้ที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะ สำหรับตรวจสอบการกระทำความผิดซ้ำซาก เพื่อพิจารณาพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต่อไป และสำหรับความผิดอาญาหรือทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างร้ายแรง เช่น การขู่กรรโชก ทำร้ายร่างกายผู้โดยสาร กระทำอนาจาร ดัดแปลงมาตรค่าโดยสาร ส่งตัวดำเนินคดีและเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที
เร่งช่วยประชาชน 5 กลุ่ม แก้ปัญหาปากท้อง
นโยบายดูแลประชาชนในปี 2563 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเน้นมาตรการแก้ปัญหาปากท้องที่จะออกแบบให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเกษตรกร มุ่งสร้างเกษตรครบวงจร และเกษตรโมเดลเศรษฐกิจใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้ประเมินผลมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ทำในปี 2562 เพื่อทบทวนและออกมาตรการที่จะนำไปสู่การสร้างเกษตรครบวงจรและเกษตรโมเดลเศรษฐกิจใหม่ โดยจะต้องใช้ตลาดนำการผลิต คือการใช้ข้อมูลความต้องการของตลาดในประเทศ ตลาดส่งออก และตลาดสินค้าเกษตรระบบเศรษฐกิจใหม่ และเกษตรแปรรูปที่ชัดเจนมาช่วยกำหนดแผนการผลิตพืชแต่ละชนิดให้เกษตรกรควบคู่กับแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร การรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรสำหรับพืชแต่ละชนิด เช่น มาตรการสินเชื่อชะลอการขาย มาตรการส่งเสริมให้นำพืชผลทางการเกษตรไปใช้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการแทรกแซงกลไกราคาตลาด เช่น นโยบายส่งเสริมน้ำมันไบโอดีเซล บี10 เป็นต้น
กลุ่มผู้มีรายได้น้อย จะปรับและกำหนดเกณฑ์เพื่อขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างครอบคลุม นายกรัฐมนตรีกำชับให้ศึกษาและทบทวนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยให้นำเอาข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการ 14.6 ล้านคน มาวิเคราะห์และทบทวนการกำหนดเกณฑ์คุณสมบัติเพื่อขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยประจำปี 2563 คัดกรองผู้มีรายได้น้อยจริงเข้าสู่มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิต
กลุ่มผู้สูงอายุ จัดสวัสดิการที่เหมาะสมและส่งต่อการจ้างงาน นายกรัฐมนตรีมอบหมายกระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ การจัดสวัสดิการที่เหมาะสม และมาตรการส่งเสริมให้บุตรหลานดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว เพื่อสร้างสังคมกตัญญู
กลุ่มลูกจ้าง นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนที่เป็นลูกจ้าง 14.6 ล้านคน มีรายได้เกิน 100,000 บาทต่อปี แต่ไม่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมีค่าครองชีพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกจ้างที่ทำงานในเมือง จึงมอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชนกำหนดมาตรการดูแลลดภาระค่าครองชีพให้ลูกจ้างกำชับให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐหามาตรการช่วยเหลือบรรเทาภาระหนี้นอกระบบ ในรายที่ถูกเลิกจ้าง รัฐบาลจะช่วยพัฒนาทักษะและหางานให้ทำต่อไป
กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รวมถึงสตาร์ทอัพ รัฐบาลจะยกระดับการดูแลพัฒนาผู้ประกอบการในปี 2563 ทั้งด้านนวัตกรรม ความรู้ แหล่งเงินทุน และการปลดล็อกเงื่อนไขที่ทำให้เกิดข้อจำกัดต่อผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ
1 ม.ค.เลิกใช้ถุงพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง-ลดปริมาณขยะ
การรณรงค์เลิกใช้ถุงพลาสติกในวันที่ 1 ม.ค. 2563 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พรุ่งนี้เป็นวันแรกของการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย เรื่องการใช้ถุงพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง ปัญหาวันนี้ไม่ได้อยู่ที่ถุงพลาสติกแต่อยู่ที่วินัยของคนหากคนใช้ถุงพลาสติกแล้วเก็บให้เป็นที่นำไปใช้ซ้ำ หรือกำจัดให้ถูกวิธี ก็ไม่เป็นปัญหา หัวใจสำคัญอยู่ที่วินัยของทุกคน ฝากประชาชนทุกคนออกจากบ้านพกถุงผ้า พกกระบอกน้ำ พกแก้วน้ำ ก้าวต่อไปของกระทรวงคือการรณรงค์ เลิกใช้หลอดพลาสติก เลิกใช้ถาดโฟม ช้อนพลาสติก และบรรจุภัณฑ์รองภาชนะที่ทำด้วยพลาสติก เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้ใช้งานเพียงไม่กี่นาที แต่ใช้เวลานานนับปีในการย่อยสลาย ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนเปลี่ยนมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติและย่อยสลายง่าย และมาช่วยกันคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรที่จะสามารถลดปริมาณขยะเพื่อส่งต่อโลกใบนี้ที่ปราศจากขยะ แม่น้ำลำคลองที่ปราศจากมลภาวะ ให้กับลูกหลานรุ่นต่อๆไปในอนาคต
CR:BBC