สธ.ทำงานเชิงรุกให้อสม.แยกผู้ดื่มไม่ให้ขับรถ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ 3 ของวันหยุดต่อเนื่องเทศกาลปีใหม่ที่ยังมีการเดินทางการสังสรรค์ซึ่งมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ข้อมูลปีใหม่ 2562 ผู้ประสบอุบัติเหตุส่วนใหญ่มีการดื่มแล้วขับถึงร้อยละ 40 และเกิดอุบัติเหตุบริเวณถนนสายรอง ในหมู่บ้าน ชุมชน ร้อยละ 60 ที่สำคัญคือเป็นคนในพื้นที่ถึงร้อยละ 65 ดังนั้น จำเป็นต้องเข้มข้นการดำเนินงานของด่านชุมชน ด่านครอบครัว สั่งการให้ทุกจังหวัด ส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในชุมชนใกล้ชิดประชาชน รู้จุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง รู้จักกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงดื่มแล้วขับ ให้ทำงานเชิงรุก แยกผู้ดื่มไม่ให้มีการขับขี่ พร้อมประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนคนขับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ให้ปฏิบัติตามกฎจราจร คาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน็อค ไม่ขับรถเร็ว ดื่มไม่ขับ พักผ่อนให้เพียงพอ เดินทางไป-กลับปลอดภัย
เสริมทีม อสม.ปฎิบัติงานในด่านชุมชนที่จ.หนองคาย
นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ที่จังหวัดหนองคาย มีการส่งเจ้าหน้าที่ และ อสม.วันละ 120 คน ร่วมปฏิบัติงานในด่านชุมชน 28 จุดของจังหวัด เน้นการกวดขันวินัยจราจรในพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งตรวจเตือนร้านค้า ร้านขายของชำในหมู่บ้านให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ระดมตำรวจกว่า7,000 นาย คุมเข้มเคาท์ดาวน์ปีใหม่
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปี พ.ศ.2563 กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมงานเคาท์ดาวน์ในวันที่ 31 ธันวาคมว่าได้เน้นย้ำเรื่องจุดคัดกรองคน คัดกรองรถ และประชาสัมพันธ์ เรื่องเมาไม่ขับ การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด นอกจากนี้ มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด บริเวณรอบงาน เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ ไอคอนสยาม เอเชียทีค รวมถึงพื้นที่ที่มีการสวดมนต์ข้ามปี สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้นลงไปกำกับดูแล ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจการทำงานของลูกน้อง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะใช้กำลังตำรวจจราจร ฝ่ายสืบสวน ป้องกันปราบปราม ทั้งในและนอกเครื่องแบบ ประมาณ 7,500 นาย ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและการรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนที่มาร่วมงานเคาท์ดาวน์ ส่วนการข่าว การก่อความไม่สงบ ยังไม่พบสิ่งบอกเหตุ แต่ไม่ประมาท
สำหรับพื้นที่จัดงานเคาท์ดาวน์ในต่างจังหวัด ได้วางแผนร่วมกับทุกภาคส่วน ออกมาตรการคุมเข้มเรื่องเมาไม่ขับ หากประชาชนออกจากพื้นที่จัดงานปีใหม่ ออกจากร้านเหล้าแล้วมาขับขี่จักรยานยนต์ก็ต้องกักตัวไว้ก่อน รอให้สร่างเมาถึงจะเดินทางกลับได้ มาตรการนี้จะไม่เน้นจับกุม แต่เป็นการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชน เป็นการป้องกันเหตุก่อนที่จะมีการขับขี่รถ หากเมาก็อย่าออกจากงาน
กรุงเทพฯ ติดโผ 1ใน 10 เมืองฉลองคืนวันส่งท้ายปี
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐฯ จัดอันดับ 10 มหานครชั้นนำของโลกที่แนะนำนักท่องเที่ยวว่าควรไปร่วมฉลองในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือ นิวเยียร์อีฟ กรุงเทพฯติดอันดับ 3 รองจากซิดนีย์ ออสเตรเลีย และ กรุงไทเป ไต้หวัน ซีเอ็นเอ็น ระบุว่า กรุงเทพฯ ติดอันดับแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ถ้าหากคุณต้องการจะเห็นผู้คนจำนวนมาก เสียงดนตรีดังกึกก้องและบรรยากาศสนุกสนานในวันส่งท้ายปี สถานที่แนะนำคือ เซ็นทรัลเวิลด์ ส่วนสถานที่อื่นๆ เช่น เอเชียทีค แหล่งช้อปปิ้งและบันเทิงตลอดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา หรือสถานบันเทิงที่น่าสนใจ แต่หากนักท่องเที่ยวรู้สึกเบื่อบรรยากาศการร้องรำทำเพลง ก็สามารถจะไปหาความสงบใจด้วยการไปเที่ยววัด เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ เพื่อชมพระพุทธไสยาสน์ หรือ พระนอนขนาดใหญ่
ประเทศที่จะเริ่มวันปีใหม่ อันดับ 1 นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย เป็นเมืองแรกของโลกที่จะมีการจุดพลุดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองวันเริ่มต้นศักราชใหม่ หลังเที่ยงคืนที่สะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ โดยมีโรงอุปรากรซิดนีย์ เป็นภาพฉากหลังที่สวยงาม อันดับ 2 กรุงไทเป ไต้หวัน จะมีการจุดพลุดอกไม้ไฟจากอาคารสูงที่สุดในกรุงไทเปคือ อาคารไทเป 101
สถานที่สำคัญอื่นๆที่จะมีการจัดงานฉลองเคาท์ดาวน์เช่น อนุสรณ์สถานซุน ยัด เซ็น และแหล่งช้อปปิ้งย่านซินยี่ ส่วนมหานครอื่นๆ อันดับ 4 นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อันดับ 5 กรุงมอสโกว์ รัสเซีย อันดับ 6 กรุงเคปทาวน์ แอฟริกาใต้ อันดับ 7 กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร อันดับ 8 นครรีโอเดอจาเนโร บราซิล อันดับ 9 นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ และอันดับ 10 นครลาสเวกัส สหรัฐฯ
กมธ.ปรับลดงบฯ2563 ลง16,231 ล้านบาท
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้ กมธ.วิสามัญฯ ได้พิจารณาปรับลดงบประมาณรายจ่ายปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท จำนวน 55 มาตรา ที่มีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เป็นประธานกมธ. เสร็จเรียบร้อยแล้วในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว รอนำเข้าสู่การพิจารณาสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2-3 ระหว่างวันที่ 8-9 ม.ค. 2563 กมธ.ได้พิจารณาปรับลดงบประมาณ ลงไปทั้งสิ้น 16,231 ล้านบาท ดูแล้วน่าจะมีผลบังคับใช้ได้ประมาณปลายเดือนก.พ.หรือต้นมี.ค.2563 เท่ากับมีระยะเวลาการใช้งบฯ เหลือแค่ 7เดือน จึงไม่สมควรตั้งงบไว้ตามปกติ จะต้องปรับลดลงมาตามระยะเวลาการใช้งบฯ ที่ลดลง
หน่วยงานที่ถูกกมธ.ปรับลดงบประมาณรายจ่ายปี2563 มากที่สุด 3อันดับแรกได้แก่ 1.กระทรวงกลาโหม ถูกตัดลดงบประมาณ1,518,272,500บาท จาก125,918,522,500บาท เหลือ 124,400,250,000บาท 2.กระทรวงสาธารณสุข ถูกตัดงบประมาณ 1,318,310,800บาท จาก28,049,048,300บาท เหลือ26,730,737,500 บาท 3.กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถูกตัดลดงบประมาณ1,147,479,100 บาท จาก49,037, 823,700 บาท เหลือ47,890,344,600บาท
ค่าเงินบาท แตะระดับต่ำสุด 29.92 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาททำสถิติแข็งค่าสุดก่อนส่งท้ายปีแตะที่ระดับ 29.92 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี 9 เดือนนับจากเดือนมี.ค. 2556 แตะระดับ 29.29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นผลมาจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงส่งผลให้สกุลเงินในตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยแข็งค่าขึ้น ประกอบกับปริมาณการซื้อขายเบาบางช่วงสิ้นปีเมื่อมีแรงขายดอลลาร์สหรัฐฯจากธนาคารต่างประเทศเข้ามาเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เงินบาทแข็งค่าขี้นอย่างรวดเร็ว
รายงานข่าวจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา แจ้งว่า ค่าเงินบาทในวันนี้ปิดตลาดที่ระดับ 30.03 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากนั้นได้แข็งค่าปรับตัวลงมาแตะที่ระดับ 29.88 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
นักลงทุน ชะลอการลงทุนลดความเสี่ยงช่วงหยุดยาว
ตลาดหุ้นไทยวันสุดท้ายของการทำงาน เคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ นักลงทุนซื้อสะสมเพื่อเก็งกำไรหุ้นใหญ่ แต่มูลค่าซื้อขายเบาบาง หลังจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงในวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ นักลงทุนต่างชาติหยุดซื้อขายก่อนหน้านี้แล้วปิดตลาดที่1,579.84จุด เพิ่มขึ้น 1.62จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,564.50ล้านบาท
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดลบ 181.10 จุด แตะที่ 23,656.62 จุด และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 93.97 จุด ปิดที่ 28,319.39 จุด
ดับเพลิงออสเตรเลียเสียชีวิตขณะดับไฟป่า
นางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีประจำรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย แสดงความเสียใจกรณีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงคนหนึ่งเสียชีวิต และมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 2 คนบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เหตุเกิดขณะเจ้าหน้าที่ดับเพลิงดับไฟป่าในพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองอัลเบอรี่ รัฐนิวเซาท์เวลส์ นับเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรายที่ 10 ที่เสียชีวิตตั้งแต่เกิดไฟป่าในออสเตรเลียเมื่อเดือนกันยายน
ด้านนายแอนดรูว์ คริสปิน เจ้าหน้าที่บริหารจัดการภัยพิบัติฉุกเฉินประจำรัฐวิกตอเรีย เปิดเผยว่า รัฐวิกตอเรีย ทางตอนใต้ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้รับความเสียหายมาก เนื่องจากเกิดฟ้าฝ่าในพื้นที่ป่าที่ประสบปัญหาภัยแล้งทำให้ไฟลุกลามรวดเร็ว มีไฟป่าเพิ่มกว่า 70 แห่ง ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเตือนชาวบ้านและนักท่องเที่ยว 30,000 คน ให้อพยพออกจากย่านอีสต์ กิพพ์สแลนด์ แหล่งท่องเที่ยวเลื่องชื่อแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย
เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศออสเตรเลีย ระบุว่า สภาพอากาศแปรปรวน เนื่องจากปรากฏการณ์การสลับขั้วของน้ำอุ่นและน้ำเย็นในมหาสมุทรอินเดีย สาเหตุสำคัญทำให้อากาศร้อนจัดในฝั่งของออสเตรเลีย มีคลื่นอากาศร้อน ลมแรง อุณหภูมิสูง 41 องศาเซลเซียสในหลายรัฐ รวมถึงนครซิดนีย์ เมืองใหญ่สุดของประเทศ
แฟ้มภาพ