ยูเอ็น มีมติประณามเมียนมาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวโรฮิงญา

           สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ลงนามในร่างมติประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวโรฮิงญาและชนกลุ่มน้อยต่างๆ ในเมียนมา หลังจากมีหลักฐานจากหน่วยงานระหว่างประเทศ ยืนยันชัดว่า กองทัพเมียนมา กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนและทารุณกรรมชาวโรฮิงญาและชนกลุ่มน้อยต่างๆ ในลักษณะอาชญากรรมร้ายแรงตามที่บัญญัติในกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ นับตั้งแต่กองทัพเมียนมาใช้กำลังปราบปรามกลุ่มนักรบชาวโรฮิงญา เมื่อ พ.ศ. 2560 ส่งผลให้มีชาวโรฮิงญาเสียชีวิตหลายพันคนและอพยพไปยังบังคลาเทศอีกมากกว่า 700,000 คน มติดังกล่าวยังเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมายุติการกระทำอันเป็นการยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังต่อชาวโรฮิงญาและชนกลุ่มน้อยต่างๆ รวมทั้งต้องปกป้องและให้ความยุติธรรมต่อพลเมืองทุกคนอย่างเท่าเทียม มติดังกล่าวของสมัชชาสหประชาชาติ ไม่ได้มีผลบังคับใช้ในทางกฎหมาย แต่สามารถสะท้อนมุมมองของประชาคมโลกที่มีต่อกรณีวิกฤติการณ์ชาวโรฮิงญาในเมียนมาได้ เนื่องจากมติดังกล่าวได้รับการรับรองจากสมาชิกองค์การสหประชาชาติ จำนวน 134 ประเทศ จากทั้งหมด 193 ประเทศ

          ด้านนายฮอ โด ซวน เอกอัครราชทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติ ระบุว่า มติดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเลือกปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน ขณะที่เมื่อต้นเดือน นางออง ซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐของเมียนมา เพิ่งชี้แจงและแก้ต่างในข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลเมียนมาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยย้ำว่าการกระทำของกองทัพเป็นความพยายามในการปราบปรามภัยคุกคามจากกลุ่มหัวรุนแรงภายในประเทศ