ข้าหลวงใหญ่ฯสหประชาชาติชื่นชมไทย หลังคณะรัฐมนตรีตั้งระบบคัดกรองผู้ลี้ภัย

          สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เผยแพร่ถ้อยแถลงแสดงความชื่นชมไทยหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบระบบเพื่อคัดกรองบุคคลที่จำเป็นต้องได้รับความคุ้มครองระหว่างประเทศ เพื่อให้การคุ้มครองผู้ลี้ภัยมีเสถียรภาพมากขึ้น

          ถ้อยแถลงของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ ระบุว่ามีความยินดีอย่างยิ่งเนื่องจากประเทศไทยไม่ได้เป็นภาคีในอนุสัญญาผู้ลี้ภัยปี ค.ศ.1951 และไม่มีกฎหมายว่าด้วยผู้ลี้ภัย ทำให้ผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยในไทยมีสถานะเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งระบบคัดกรองนี้จะทำให้บุคคลที่จำเป็นต้องได้รับความคุ้มครองระหว่างประเทศสามารถพำนักในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราว และทำให้การคุ้มครองผู้ลี้ภัยมีเสถียรภาพมากขึ้น

          นายจูเซปเป้ เด วินเซ็นทิส ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรีของไทยแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลไทยในการให้ความคุ้มครองต่อผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัยในอาณาเขตของไทย โดยสิ่งสำคัญคือการนำระบบนี้มาปรับใช้ตามหลักมาตรฐานระหว่างประเทศและหลักการการขอลี้ภัย ซึ่งทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่

          มติคณะรัฐมนตรีนี้มีขึ้นหลังจากรัฐบาลไทยได้ให้คำมั่นในการเสริมสร้างความสามารถและทักษะให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องในการนำระบบคัดกรองมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ให้ไว้ระหว่างการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องผู้ลี้ภัย (Global Refugee Forum: GRF) ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ที่นครเจนีวา เมื่อกลางเดือนธันวาคม ซึ่งยังเป็นการประชุมที่จัดขึ้น 1 ปีหลังจากการรับรองข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัย (Global Compact on Refugees: GCR) ที่เป็นกรอบการทำงานระหว่างนานาชาติในการแบ่งปันความรับผิดชอบ ตลอดจนหาทางแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัย ซึ่งจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้หากปราศจากความร่วมมือระหว่างประเทศ นอกจากนี้มติคณะรัฐมนตรียังสืบเนื่องมาจากการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยให้คำมั่นไว้ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำเรื่องผู้ลี้ภัยโลก ที่องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนกันยายน 2559

...

อ่านฉบับเต็มได้ที่ https://www.unhcr.or.th/news/general/pr/unhcr-welcomes-national-screening-mechanism