*คะแนนนิยมผู้นำญี่ปุ่นลดลง จากความล้มเหลวของนโยบายอาเบะโนมิกส์*

หนังสือพิมพ์ อาซาฮี สำรวจความคิดเห็นประชาชน ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. เกี่ยวกับทัศนคติของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ พบว่าร้อยละ 39 ยืนยันจะให้การสนับสนุนนายอาเบะต่อไป ลดลงอีกร้อยละ 3 จากการสำรวจเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ขณะที่ราวร้อยละ 40 ของผู้ที่ตอบว่าไม่ต้องการสนับสนุนผู้นำญี่ปุ่นคนปัจจุบันอีกต่อไป  ให้เหตุผลว่า เป็นผลมาจากความล้มเหลวของมาตรการปฏิรูปและกระตุ้นเศรษฐกิจในชื่อ อาเบะโนมิกส์

 ขณะที่ ผลสำรวจความคิดเห็นชาวญี่ปุ่นของสำนักข่าวเกียวโด ซึ่งจัดทำขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่าร้อยละ 63 ไม่เห็นด้วยที่อาเบะตัดสินใจยุบสภาในเวลานี้ แต่ในจำนวนนี้ราวร้อยละ 25 เปิดเผยว่าจะเลือกพรรคเสรีประชาธิปไตย ( แอลดีพี ) ต่อไป

ด้านนายโยชิฮิเดะ ซึกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลสำรวจที่ออกมา กล่าวเพียงว่า นายอาเบะ จะสามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นจากประชาชนได้ แม้คะแนนนิยมที่ออกมาจะอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ นายอาเบะ กลับเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 เมื่อปลายปี 2555 หลังเคยดำรงตำแหน่งมาแล้วระหว่างปี 2549-2550 นายอาเบะ มีกำหนดประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันนี้ และยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในวันที่ 14 ธ.ค. ซึ่งเร็วกว่ากำหนดถึง 2 ปีสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในญี่ปุ่นในเวลานี้ มีการจับตามอง บรรดานักวิเคราะห์ มองว่า ผู้นำญี่ปุ่น ต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเครื่องชี้วัดความเชื่อมั่นของประชาชนต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่รู้จักกันดีในชื่อ “อาเบะโนมิกส์”ขณะเดียวกัน นายอาเบะ ยังตัดสินใจเลื่อนแผนการปรับขึ้นภาษีผู้บริโภคจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 10 ออกไปเป็นเดือนเม.ย. 2560 จากเดิมคือเดือนต.ค. ปีหน้า หลังการปรับขึ้นภาษีผู้บริโภคครั้งแรกจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 8 เมื่อเดือนเม.ย. สร้างความผันผวนอย่างหนักให้กับระบบเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ประชาชนต่างพากันชะลอการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ในไตรมาสที่ 2 ลดลงมากถึงร้อยละ 7.3 และหดตัวลงอีกร้อยละ 1.6 ฉุดรั้งให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย