พายุหิมะพัดถล่มครึ่งประเทศสหรัฐฯ แรงที่สุดในรอบกว่า40ปี

หลังจากเกิดพายุหิมะถล่มรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ อย่างรุนแรง จากปรากฏการณ์ ‘Lake Effect’ (ผลกระทบจากทะเลสาบ) จนทำให้เมื่อวันอังคารที่ 18 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายเมือง รวมทั้งเมืองบัฟฟาโล หลังจากหิมะตกลงมาอย่างหนัก ตั้งแต่วันจันทร์ ทำให้พื้นที่ต่างๆ ขาวโพลนไปทั่ว หลายพื้นที่หิมะ สูงกว่า 3 ฟุต อีกทั้งยังมีบางแห่ง หิมะสูงกว่า 6 ฟุต

สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า มีคนเสียชีวิตแล้ว 5 คน หลังการพัดถล่มของพายุหิมะและอุณหภูมิลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งในพื้นที่ร้อยละ 50 ของประเทศในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะสร้างความโกลาหลหนักยิ่งขึ้นในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยเฉพาะเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ค หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักสุด มีปริมาณหิมะตกสูงราว 6 ฟุต ด้านนายไบรอน บราวน์ นายกเทศมนตรีเมืองบัฟฟาโล กล่าวว่าเหตการณ์นี้ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงจะสามารถตักหิมะออกจากท้องถนนได้ทั้งหมด พร้อมเพิ่มเติมว่า หลายคนติดค้างอยู่ในรถยนต์ ประชาชนบางส่วนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัย เช่นสถานีดับเพลิงหรือสถานีตำรวจ ส่วนกรณีการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่เทศมณฑลอีรี กล่าวว่า 1 ในกรณีการเสียชีวิตเป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ อีก 3 ศพ เสียชีวิตจากหัวใจหยุดเต้นขณะใช้พลั่วตักหิมะออกจากบริเวณบ้าน ส่วนที่เมืองอัลเดน รัฐนิวยอร์ค ชายวัย 46 ปีคนหนึ่งเสียชีวิตอยู่ในรถยนต์ ในสภาพที่ถูกฝังอยู่ใต้หิมะสูง 12-15 ฟุต

สำนักอุตุนิยมวิทยาในสหรัฐฯ คาดว่า พายุหิมะถล่มรัฐนิวยอร์ก จะดำเนินต่อไปจนถึงอย่างน้อยวันพฤหัสฯ ที่ 20 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) ขณะที่ทั่วประเทศสหรัฐฯ จะเผชิญกับอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง