กฟผ.-กคช.เดินหน้าโครงการบ้านเบอร์ 5 ระยะที่ 2 ประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่าย

          หลังจากก่อสร้างโครงการฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานสำหรับที่อยู่อาศัย หรือ บ้านเบอร์ 5 ในระยะที่ 1  ที่เกิดจากความร่วมมือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ร่วมกับการเคหะแห่งชาติ หรือ กคช. ประสบความสำเร็จ วันนี้ทั้งสองหน่วยงานร่วมลงนามระยะที่2 ระหว่างนายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าฯ กฟผ. และนายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าฯกคช.

          นายวิบูลย์ เปิดเผยถึงความร่วมมือว่าทั้งสองหน่วยงานดำเนินโครงการนี้มาตั้งแต่ปี2560 ในการพัฒนา ปรับปรุง ออกแบบอาคาร เลือกใช้วัสดุการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพสูงและอุปกรณ์เบอร์ 5 มาใช้ในโครงการบ้านที่อยู่อาศัยที่สร้างใหม่สำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง

          นายจรัญ คำเงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน กฟผ.ในฐานะโฆษก กฟผ. กล่าวว่าในปี 2561-2562 ได้ก่อสร้างโครงการบ้านเบอร์ 5 ผ่านเกณฑ์ประเมินประหยัดพลังงาน จำนวน14 โครงการ ขณะนี้บางโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าเมื่อก่อสร้างเสร็จทั้งหมด จะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 1.5 ล้านหน่วยต่อปี ลดภาระค่าไฟฟ้าของผู้อาศัยได้ประมาณ 6 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 754 ตันต่อปี ทำให้เกิดการลงนามความร่วมมือในวันนี้เพื่อสานต่อและเพิ่มโครงการบ้านเบอร์ 5 แต่เพิ่มอีกกี่โครงการต้องหารือกันก่อน  และในอนาคตมีแนวคิดจะขยายโครงการบ้านเบอร์ 5 สำหรับโครงการของเอกชนด้วย การพิจารณาเกณฑ์บ้านเบอร์5 จะประเมินจากประสิทธิภาพพลังงาน ทั้งผนังบ้าน หลังคาบ้าน ระบบไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศ  รวมถึงประเมินจากนวัตกรรมและการออกแบบพึ่งพาธรรมชาติ เช่น การนำแสงธรรมชาติส่องเข้ามาในห้องต่างๆของบ้าน

          ด้านนายธัชพล กล่าวว่า จากการสำรวจโครงการเคหะชุมชนบ่อวิน จังหวัดชลบุรี  ซึ่งเป็นโครงการนำร่องแห่งแรกของโครงการบ้านเบอร์ 5 ในระยะที่1 พบว่า ผู้ที่อาศัยต่างพึงพอใจ เพราะลดค่าใช้จ่ายได้จริง เนื่องจากก่อสร้างแบบที่รองรับประหยัดพลังงาน ลดการใช้ไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในครัวเรือน ที่สำคัญทำให้คุณภาพชีวิตของผู้อาศัยดีขึ้น ทำให้เกิดการขยายโครงการเป็นระยะที่2 ขึ้นมา ซึ่งการดำเนินงานของกคช.หลังจากนี้ยังคงสนับสนุนการใช้วัสดุก่อสร้างที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม,รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการประหยัดพลังงานกับทุกภาคส่วน และประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบสนับสนุนให้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม