การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนส่อจบยาก
การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน มีสัญญาณว่าอาจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯลงนามรับรองร่างกฎหมายสิทธิมนุษยชนฮ่องกง ที่มีเนื้อหาสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ แต่ทางการจีนประกาศว่าจะตอบโต้
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่าอาจใช้สิทธิวีโต้ไม่เห็นชอบร่างกฎหมาย เพื่อไม่ให้การเจรจาการค้าเกิดอุปสรรค แต่สุดท้ายก็ลงนามรับรองให้กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ และระบุในแถลงการณ์ว่า มีความเคารพประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทั้งหวังว่าจีนและฮ่องกง จะสามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างกันได้
กระทรวงการต่างประเทศของจีนออกแถลงการณ์ตำหนิสหรัฐฯ ว่ามีการกระทำที่ประสงค์ร้ายต่อจีนอย่างแท้จริง ขณะที่ทางการฮ่องกง ออกแถลงการณ์คัดค้านอย่างรุนแรง
นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำจีนรับหนังสือประท้วง โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯ หลีกเลี่ยงที่จะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต โดยย้ำให้สหรัฐฯยุติการแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง และกิจการภายในของจีน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือในด้านต่าง ๆ
นายโจชัว หว่อง แกนนำรณรงค์ประชาธิปไตยฮ่องกง กล่าวว่า การที่สหรัฐฯ ออกกฎหมายสิทธิมนุษยชนฮ่องกง แสดงให้เห็นว่าประเด็นสิทธิมนุษยชนมีความสำคัญมากกว่าการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเขาหวังว่าประเทศตะวันตกจะสนับสนุนผู้ประท้วงฮ่องกงเช่นกัน
นักวิเคราะห์ระบุว่าการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ใช้สิทธิยับยั้งกฎหมาย เพราะเขาพิจารณาจากเสียงสนับสนุนกฎหมายในชั้นการลงมติของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหากเขาใช้สิทธิยับยั้งแล้วกฎหมายต้องกลับไปสู่ที่ประชุมรัฐสภาอีกครั้ง คาดว่ารัฐสภาจะรับรองด้วยเสียงมากกว่า 2ใน3 ทำให้การใช้อำนาจของประธานาธิบดีไม่มีผล กฎหมายยังคงมีผลบังคับใช้ตามกำหนดเดิม นอกจากนี้แล้วยังมีผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขตฮ่องกงเมื่อต้นสัปดาห์ที่ฝ่ายสนับสนุนการประท้วงได้รับชัยชนะ ที่แสดงให้เห็นถึงการที่ชาวฮ่องกงสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด สาขานิวยอร์ก เผยแพร่ผลการศึกษาที่บ่งชี้ว่า สหรัฐฯมีรายได้จากการเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในไตรมาส 3 ของปีนี้เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีที่แล้วซึ่งเป็นช่วงก่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน ขณะที่บรรดาบริษัทของจีนไม่ได้ปรับลดราคาสินค้าลงเพื่อที่จะรับมือกับการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้า ขณะที่ราคาสินค้าจากเม็กซิโก และประเทศอุตสาหกรรมใหม่อื่นๆ อาทิ เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ปรับลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าเป็นผลจากภาวะตลาดโดยรวม ไม่ใช่ผลจากการขึ้นภาษีนำเข้า
ผลการศึกษาของเฟดได้ข้อสรุปว่า การที่ราคานำเข้าสินค้าจากจีนยังคงมีเสถียรภาพก็เพราะบริษัทและผู้บริโภคของสหรัฐฯ คือฝ่ายที่ต้องจ่ายภาษีนำเข้า
อิรักนองเลือด มีผู้ประท้วงเสียชีวิตมากกว่า 25 คนเนื่องจากทหารใช้กระสุนจริง
การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลในประเทศอิรักเมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) กลายเป็นเหตุการณ์ที่มีความสูญเสียเกิดขึ้นมากที่สุดอีกหนึ่งวันของการประท้วงที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนก่อน โดยมีผู้เสียชีวิตในวันเดียวมากกว่า 30 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 350 ราย บาดเจ็บอีกหลายพันคน
ข้อเรียกร้องของชาวอิรักคือต้องการให้รัฐบาลสร้างงาน ยุติการทุจริต และพัฒนาบริการสาธารณะให้ดีขึ้น แต่มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่หลายครั้ง โดยเมื่อวานนี้ กองทัพส่งกำลังพลเสริมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เมืองนาซิริยาเพื่อสลายการประท้วงบนสะพาน 2 แห่ง ส่วนที่เมืองนาจาฟ มีเหตุผู้ชุมนุมบุกเผาสถานกงสุลอิหร่านเมื่อคืนวันพุธ (27 พ.ย.) จากนั้นในวันพฤหัสบดี (28 พ.ย.) ก็มีเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงทำให้ผู้เสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บอีก 18 คน ขณะที่มีผู้ประท้วงอีก 4 รายเสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงในกรุงแบกแดดด้วย
ปธน.สหรัฐฯเยี่ยมทหารสหรัฐฯในอัฟกัน เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ประธานาธิบดีทรัมป์ แห่งสหรัฐฯเดินทางไปเยี่ยมเหล่าทหารอเมริกันที่ประจำการอยู่ในอัฟกานิสถาน เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่ากลุ่มตอลิบานจะตอบรับข้อตกลงหยุดยิงในสงครามที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐฯภูมิภาคนี้
การเดินทางของประธานาธิบดีทรัมป์ยังมีขึ้นหลังจากที่เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน มีการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างสหรัฐฯ กับอัฟกานิสถาน และผู้นำกลุ่มตอลิบานมีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ซึ่งคาดว่าจะกลับมาสู่การเจรจาสันติภาพอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
ปัจจุบันสหรัฐฯมีทหารประจำการในอัฟกานิสถาน 13,000 นาย เช่นเดียวกับกองกำลังนาโต้อีกหลายพันคน แต่สหรัฐฯมีแผนถอนกำลังพลให้เหลือประมาณ 8,600 นายโดยอัฟกานิสถานให้คำมั่นว่าจะไม่ให้กลุ่มหัวรุนแรงเข้ามาใช้พื้นที่เป็นฐานโจมตีสหรัฐฯและพันธมิตร
…