ตร.พบหลักฐาน‘ประจักษ์’แก๊งล่อซื้อลิขสิทธิ์ ปลอมลายเซ็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริง
การติดตามจับกุมกลุ่มตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์ ประกอบด้วย นายประจักษ์ โพธิผล ตัวการใหญ่ นายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ หรือนัน กิ่งเพชร และ น.ส.วนิสา ถินสุวรรณ์ อายุ 24 ปี ลูกสาวนายภูมิภากร ในคดีล่อซื้อกระทงลายลิขสิทธิ์ แล้วรีดเงินเหยื่อแลกไม่ดำเนินคดี ที่ จ.นครราชสีมา จนมีผู้ตกเป็นเหยื่อ 61 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 1.4 ล้านบาท หนึ่งในนั้นมี เด็กสาวอายุ 15 ปี ถูกล่อซื้อกระทงลายลิขสิทธิ์รวมอยู่ด้วย
ตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 จับกุมนายประจักษ์ ได้ที่ลานจอดรถห้างโลตัส ถนนมะลิวัลย์ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ส่วนนายภูมิภากร และ น.ส.วนิสา ลูกสาว จับได้ที่บ้านญาติ ใน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา นายภูมิภากร เป็นการถูกจับในหมายจับที่ 2 หลังจากเพิ่งได้รับการประกันตัวมาจาก สภ.เมืองมหาสารคาม ในคดีที่ถูกศาลจังหวัดมหาสารคาม ออกหมายจับกรณีล่อซื้อตู้ใส่ของลวดลายโดราเอมอน
ชุดจับกุมนำทั้งหมดมาสอบสวนที่ สภ.เมืองนครราชสีมา เบื้องต้นให้การภาคเสธ ยอมรับล่อซื้อกระทงละเมิดลิขสิทธิ์ โดย น.ส.วนิสา ติดต่อทางเฟซบุ๊ก ขณะที่ นายประจักษ์ นำใบมอบอำนาจแจ้งความตำรวจ และนายภูมิภากร เป็นคนจับกุม จากนั้นตำรวจนำทั้ง 3 คนชี้จุดประกอบเหตุ ก่อนส่งตัวดำเนินคดี โดยคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน ทำให้ต้องถูกคุมขังในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ตรวจสอบพบหลักฐานใหม่ ที่แก๊งตัวแทนลิขสิทธิ์ ซึ่งเรียกว่า "แก๊งบราโว่" ปลอมลายเซ็นในใบมอบอำนาจ ตำรวจสอบปากคำผู้บริหารบริษัท เวอริเซ็ค 11 คน ต่างยืนยันว่า ไม่ใช่ลายเซ็นของตน แต่ถูกนายประจักษ์ ปลอมลายเซ็น ผู้บริหาร บริษัท เวอริเซ็ค เจ้าของลิขสิทธิ์การ์ตูนรายใหญ่ และยังปลอมลายเซ็นในใบมอบอำนาจจับกุมคดีอื่นๆ อีกกว่า 50 คดีด้วย ทำให้ศาลอนุมัติหมายจับ และแม้ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ แต่ตำรวจมีหลักฐานดำเนินคดีได้ เนื่องจาก ตรวจสอบพบว่า นายประจักษ์ มีพฤติกรรมล่อซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในปี 2562 เฉพาะพื้นที่ จ.นครราชสีมา 90 คดี ในจำนวนนี้ใช้เอกสารปลอม 55 คดี ของจริงแค่ 35 คดี ซึ่งต้องขยายผลต่อเนื่อง หลังจากนี้จะประสานผู้บริหารบริษัทลิขสิทธิ์ เข้าแจ้งความเพิ่มเติม เพราะมีหลายคดี นายประจักษ์ ไม่ได้ส่งเงินค่าเสียหายให้บริษัท
‘สุริยะ’ขอฟังข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตร ยืนยันวันนี้ได้ข้อสรุป เลื่อน-ไม่เลื่อนการแบน3สารเคมี
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายโครงสร้างใหม่ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 เพื่อพิจารณาการยกเลิกใช้สารเคมีเกษตร 3 ชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งคณะกรรมการวัตถุอันตรายตามโครงสร้างเดิมพิจารณาไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ให้ยกระดับเป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครอง และให้ยกเลิกใช้สาร 3 ชนิด ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 นายสุริยะ กล่าวว่า คณะกรรมการวัตถุอันตราย จะฟังข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นเจ้าของต้นเรื่องก่อนว่ามีข้อมูลมานำเสนออย่างไรบ้าง เช่น มาตรการรองรับผลกระทบ การใช้สารทดแทน เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาข้อมูลร่วมกัน ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
คณะกรรมการฯ ทุกคนจะรับฟังแล้วมาตัดสินใจว่าแต่ละคนมีความเห็นอย่างไร คาดว่า จะใช้วิธีการโหวตความเห็นของคณะกรรมการแต่ละรายเช่นเดิม และถ้าไม่ยินยอมให้เปิดเผยชื่อก็ไม่สามารถเปิดเผยผลโหวตได้ ตอนนี้ความเห็นแบ่งเป็นหลายฝ่าย บางฝ่ายเห็นด้วยให้แบนการใช้ 3 สารเคมี เพราะมองผลกระทบทางสุขภาพ บางฝ่ายไม่เห็นด้วยเพราะกระทบอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อาหารสัตว์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า หากกรมวิชาการเกษตร ให้ข้อมูลครบจะนำไปประกอบการตัดสินใจของคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพื่อลงมติเลื่อนหรือไม่เลื่อนการแบน สารเคมี ต้องฟังข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรเป็นหลัก และอีกส่วนคือหากแบนแล้ว ต้องไม่กระทบการส่งออก นำเข้า ก็พร้อมที่จะแบนในวันที่ 1 ธันวาคมเหมือนเดิม แต่หากมีผลกระทบมากอาจต้องทบทวน
ขณะที่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มคัดค้านการแบน 3 สารเคมี ลุ้นให้พลิกมติแบน 3 สารเคมี กลุ่มผู้ชุมนุม ยืนยันว่า หากไม่ยับยั้งการแบนออกไป จะฟ้องศาลปกครอง ฟ้องคดีนักการเมือง ทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 73 เพราะทั้งรัฐบาล นักการเมือง รัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี(ครม.)ทำผิดรัฐธรรมนูญ ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากการแบนสาร 3 ชนิดควรมีอะไรรองรับไว้ก่อน มีสารทดแทน ให้เกษตรกรใช้ จนมั่นใจว่าสารใหม่ดีกว่า มีประสิทธิภาพความปลอดภัยดีกว่าแล้วค่อยแบน
ผู้ส่งสินค้าทางเรือ เตรียมปรับเป้าหมายการส่งออก คาดลดลง3%
น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า วันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ สรท.จะประชุมทบทวนปรับประมาณการเป้าหมายการส่งออกปี 2562 หลังจากตัวเลขส่งออกเดือนตุลาคม ลดลงร้อยละ 4.5 เบื้องต้น หากการส่งออกอีก 2 เดือนสุดท้ายได้มูลค่า 20,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯเท่ากับเดือนตุลาคม 2562 จะทำให้ภาพรวมไตรมาส 4/2562 ลดลงกว่าร้อยละ 4.5 และมีผลให้การส่งออกทั้งปีนี้ ลดลงกว่าร้อยละ 3 จากเดิม สรท. คาดไว้จะติดลบร้อยละ 1.5 ส่วนปีหน้าคาดขยายตัวเป็นบวกประมาณร้อยละ 0-1 พร้อมกันนี้จะเสนอธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทเพิ่มเติมจากมาตรการที่ ธปท.ออกมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากภาคการส่งออกยังได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า
เอกชนเตรียมหารือธปท.เพิ่มมาตรการเข้มข้นดูแลเงินไหลเข้า
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธาน สรท. ระบุว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าในช่วง 2 ปี ซึ่งแข็งค่าขึ้นมาแล้วประมาณร้อยละ 17 ทำให้การส่งออกสูญเสียรายได้จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าหลายแสนล้านบาท หรือเฉลี่ยสูญเสียปีละเกือบ 2 แสนล้านบาท ผู้ประกอบที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือกลุ่มใช้วัตถุดิบในประเทศผลิตสินค้าส่งออก ดังนั้น เร็วๆ นี้ สรท.จะหารือ ธปท.เพื่อขอดูแลระดับนโยบายในเรื่องของค่าเงินเพิ่มเติม ที่ผ่านมา ธปท.ได้ออกมาตรการดูแลเงินขาออกที่ทำให้มีความสะดวกมากขึ้น ยังเหลือมาตรการเกี่ยวกับเงินไหลเข้าที่ธปท.ควรเพิ่มมาตรการให้เข้มข้นมากกว่านี้ สรท.มองว่าค่าเงินบาทที่เอกชนสามารถค้าขายได้ควรอยู่ที่ 30-33 บาท/เหรียญสหรัฐฯ
หุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้น หลังเจรจาการค้ามีแนวโน้มดีขึ้น
ความเห็นในแง่บวกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเจรจาทางการค้ากับจีนว่าใกล้จะบรรลุข้อตกลงทางการค้าที่ยืดเยื้อ มานานกว่า 16 เดือน ช่วยดันตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกในวันอังคาร ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 55.21 จุด ปิดที่ 28,121.68 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.88 จุด ปิดที่ 3,140.52 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 15.45 จุด ปิดที่ 8,647.93 จุด
ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายน ลดลงสู่ระดับ 125.5 ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และต่ำกว่า ระดับ 126.6 ซึ่งเป็นตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนตุลาคม ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบรายเดือนสู่ระดับ 733,000 ยูนิต
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 40 เซ็นต์ ปิดที่ 58.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 62 เซ็นต์ ปิดที่ 64.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาทองคำ ปิดบวกในกรอบแคบๆ นักลงทุนจับตาข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 3.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,460.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
CR:เฟสบุ๊ก พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา