การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดว่า 3 มาตรการที่ออกมาจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 เติบโตต่อเนื่องและทำให้เศรษฐกิจปี 2563 ขยายตัวอย่างมีศักยภาพ และมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทันทีมากกว่า 80,000 ล้านบาท
3 มาตรการ ประกอบด้วย การจัดสรรเงินให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งละไม่เกิน 200,000 บาท ผ่านสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติในวงเงินรวม 14,348 ล้านบาท เพื่อให้เกิดการจ้างงาน เช่น การจัดทำแหล่งน้ำชุมชน เครื่องจักรสำหรับแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงมาตรการพักชำระหนี้ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมเมืองด้วยความสมัครใจเป็นระยะเวลา 1 ปี ช่วยผ่อนคลายสภาพคล่องและแก้หนี้นอกระบบ นอกจากนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ในโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เพื่อเป็นค่าลงทุนในการดำเนินกิจการ คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 0.01 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยตามปกติของ ธ.ก.ส. เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565
มาตรการที่ 2 ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2562/2563 เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตร จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวเฉพาะ เกษตรกรรายย่อยอัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท รัฐบาลยังได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมในโครงการด้วยการสนับสนุนต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/2563 พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการจ่ายเงินให้เกษตรกรจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2563 เนื่องจากมีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
มาตรการสุดท้าย คือ มาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการบ้านดีมีดาวน์ ลดภาระ และสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยภาครัฐสนับสนุนเงินเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) จำนวน 50,000 บาท ต่อราย ซึ่งผู้เข้าร่วมมาตรการต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อปี ระยะเวลาโครงการเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2562 – 31 มีนาคม 2563