ความเคลื่อนไหวเมืองไทยเมืองไทยวันนี้ 12.30 น.วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562

25 พฤศจิกายน 2562, 12:22น.


นายกฯ หารือปธน.เกาหลีใต้ ขยายความร่วมมือเศรษฐกิจและการลงทุน



          ที่นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 1 ซึ่งได้ให้การสนับสนุนนโยบายและพร้อมขยายความร่วมมือกับไทย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทุนมนุษย์ และพัฒนาเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย NSP ของเกาหลีใต้ ถือว่าเป็นนโยบายที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของอาเซียน และไทย ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกระชับความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคี พหุภาคีอย่างรอบด้าน อาทิ ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) การพัฒนาการศึกษา และการพัฒนาความเชื่อมโยงภาคประชาชน โดยเกาหลีใต้ยินดีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และนวัตกรรมในด้านที่มีความเชี่ยวชาญกับไทย โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาและต่อยอดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จากนั้นได้ ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับ เกี่ยวกับความร่วมมือสาขาวิทยาศาสตร์ฯ ความร่วมมือด้านการการค้าและการลงทุน และความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้



ผลเลือกตั้งสภาเขตฮ่องกง ฝ่ายผู้สนับสนุนผู้ประท้วงได้รับชัยชนะ



          คณะกรรมการการเลือกตั้งฮ่องกง ประกาศผลการเลือกตั้งสภาเขต 18 เขตของฮ่องกง ซึ่งกลุ่มผู้สมัครรับเลือกตั้งที่สนับสนุนผู้ชุมนุมประท้วงได้รับชัยชนะไปด้วยจำนวน 278 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งสิ้น 452 ที่นั่ง ซึ่งถือว่ามากเกินกึ่งหนึ่งของสภา ขณะที่กลุ่มผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีนโยบายสนับสนุนทางการจีนได้ไป 42 ที่นั่ง



          คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ออกไปใช้สิทธิ์มากกว่า 2 ล้าน 9 แสน 4 หมื่นคน หรือคิดเป็นร้อยละ 71 จากจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ 4 ล้าน 1 แสนคนซึ่งยังเป็นการเลือกตั้งที่มีผู้ใช้สิทธิ์มากที่สุด



          นักวิเคราะห์ของสื่อต่างประเทศหลายแห่งมีความเห็นตรงกันว่า ตั้งแต่ก่อนที่จะเปิดคูหาเลือกตั้ง มีข่าวลือว่า ทางการฮ่องกงพร้อมที่จะยกเลิกการเลือกตั้งหากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น จึงเรียกร้องให้ผู้มีสิทธิ์ออกไปใช้สิทธิ์ตั้งแต่ช่วงเช้า ส่งผลให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวคิดต่อต้านแนวทางการปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ แม้ว่าผู้มีสิทธิ์จะรู้ดีว่า สภาเขตมีหน้าที่ในการบริหารจัดการทั่วไป ไม่มีอำนาจในการออกกฎหมาย แต่ก็เป็นการส่งข้อความไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ ว่าพวกเขาไม่พอใจ



ผู้นำสหราชอาณาจักรเปิดคำประกาศเบร็กซิต



          นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร ในฐานะหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่เมืองเทลฟอร์ด ทางตอนกลางของเกาะอังกฤษ ฐานเสียงสำคัญของพรรคแรงงาน โดยเปิดตัวคำประกาศเบร็กซิต ที่มีสาระสำคัญคือ การนำสหราชอาณาจักรออกจากการเป็นภาคีสมาชิกของสหภาพยุโรป หรือ อียูภายในวันที่ 31 มกราคมปีหน้า คือการทำให้สหราชอาณาจักรเป็นเอกราชจากอียูทั้งในเรื่องกฎหมาย นโยบายการเงิน นโยบายคนเข้าเมือง ไปจนถึงการจัดการพรมแดนที่ติดต่อกับไอร์แลนด์เหนือ และสถานะของพลเมืองจากกลุ่มประเทศสมาชิกอียูที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร



          นายเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงาน วิจารณ์คำประกาศเบร็กซิต ของหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ว่ายังคือการเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มนายทุน และผู้ใช้แรงงานต้องทำงานหนักกว่าเดิม เพราะคือการออกจากอียูแบบไร้ข้อตกลง



          สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ซึ่งผลการสำรวจคะแนนนิยมพบว่าพรรคแรงงานมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนมาอยู่ที่ร้อยละ 29 ขณะที่พรรคอนุรักษ์นิยมอยู่ที่ร้อยละ 42



สภ.สวนพริกไทย นำผู้ต้องหาคดีรุมทำร้ายร่างกายชายอายุ 52 ปีฝากขังที่ศาลจังหวัดปทุมธานี



          กรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ในพื้นที่ สภ.สวนพริกไทย จังหวัดปทุมธานี ที่นายสมบัติ นิยมมาก อายุ 52 ปี ถูกทำร้ายร่างกายและเข้าแจ้งความ โดยมีหลักฐานเป็นคลิปภาพเหตุการณ์ และบาดแผล ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนหมดแล้ว ซึ่งหลังจากที่พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันและปล่อยตัวไป ในวันนี้พนักงานสอบสวนนำตัวทั้งหมดไปส่งศาลจังหวัดปทุมธานีเพื่อฝากขัง



          คดีนี้ กลุ่มผู้ต้องหาที่ประกอบด้วย นายธันวา ทรัพย์สินไพบูลย์ อายุ 30 ปี นายไพโรจน์ สีทอง อายุ 34 ปี นายรามัญ คงแป้น อายุ 27 ปี และ น.ส.นันท์นภัส ทิพย์กังวานวงศ์ อายุ 31 ปี ไม่พอใจที่นายสมบัตินำเรื่องค้างค่าแรงของญาติ มาแจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองปทุมธานี



ธ.ทหารไทยเผยวัยรุ่นใช้จ่าย 'ของมันต้องมี' สูงปีละ 1.37 ล้านล้านบาท



         นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ผลการสำรวจพฤติกรรมของกลุ่มเจนวายบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้อายุตั้งแต่ 23-38 ปีร่วมกับบริษัทไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า กลุ่มเจนวายมีความฝันกับของมันต้องมี คือ อยากมีบ้านมากที่สุดร้อยละ 48 รองลงมาคือรถยนต์ร้อยละ 22 ส่วนออมเงินและสินทรัพย์อื่น ๆ เพียงร้อยละ 13 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงพบว่า มีการใช้เงินกับ “ของมันต้องมี” เกือบ 1 แสนบาทต่อคนต่อปี หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของรายได้ต่อปี ส่วนใหญ่จะซื้อโทรศัพท์ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋า นาฬิกาและเครื่องประดับ โดยกลุ่มเจนวายทั้งหมดใช้เงินกับของมันต้องมี ถึงปีละ 1 ล้าน 3 แสน 7 หมื่นล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 ของรายได้ประเทศ (จีดีพี) หรือ 8 เท่าของมูลค่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน



         นอกจากนี้กลุ่มเจนวายมีความฝันอยากมีเงินเก็บ 6 ล้านบาท แต่การสำรวจจะออมเพียงเดือนละ 5,500 บาท ซึ่งจากการวิเคราะห์หากเก็บออมด้วยอัตราเท่านี้ จะต้องใช้เวลาถึง 90 ปีกว่าจะถึงเป้าหมาย โดยบทวิเคราะห์ได้แนะนำกลุ่มเจนวาย หากลดการใช้จ่ายกับของมันต้องมีลงมาครึ่งหนึ่ง ควบคู่กับการวางแผนทางการเงินโดยเพิ่มการออมการลงทุนให้ถูกที่ ก็จะมีเงินสะสมเพิ่มขึ้น 43,000 บาทต่อปี และหากผ่านเวลาไป 10-30 ปีจะสามารถซื้อทรัพย์สินเพิ่มตามความคาดหวังไว้ได้



...



ภาพจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล

ข่าวทั้งหมด

X