3 ประเทศยุโรปร่วมเดินขบวนต้านการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง

          ในวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปีองค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็นวันขจัดความรุนแรงต่อสตรีสากล ขณะที่ในกลุ่มประเทศยุโรปมีการรณรงค์ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ โดยเมื่อวันเสาร์ (23 พ.ย.) มีการรณรงค์ที่ฝรั่งเศสและอิตาลี ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมมากกว่า 1 แสนคน ผู้จัดการรณรงค์ระบุว่า มีหญิงที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครัวเรือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปีนี้ มีผู้หญิงในฝรั่งเศสถูกคนรักหรืออดีตคนรักฆาตกรรม 116 ราย ขณะที่อิตาลีมีผู้เสียชีวิตแล้ว 94 ราย

          ส่วนที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม มีประชาชนหลายหมื่นคนร่วมเดินขบวนและชุมนุมที่ด้านหน้าสำนักงานศาลยุติธรรมเมื่อวันอาทิตย์ (24 พ.ย.) เพื่อเรียกร้องให้ยุติการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง แกนนำกลุ่มรณรงค์ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้มีผู้หญิงเสียชีวิตเพราะถูกคนรักหรืออดีตคนรักฆ่าแล้ว 22 คน ขณะที่กลุ่มมิราบัลที่เป็นกลุ่มต่อต้านการใช้ความรุนแรงในครอบครัวระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2550 มีผู้หญิงเสียชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว 98 คน ซึ่งหากเทียบสัดส่วนประชากรกับประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป ถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดในกลุ่ม จึงมีการจัดการชุมนุมและจัดเรียงรองเท้าสีแดงเป็นสัญลักษณ์ที่บริเวณลานด้านหน้าสำนักงานศาล ทั้งระบุด้วยว่า เบลเยียมเป็นประเทศที่มีความซับซ้อน โดยในทางปกครองประกอบไปด้วยอำนาจในหลายระดับทั้งรัฐบาลกลาง ภูมิภาคและชุมชน ซึ่งอำนาจทั้งหมดนี้สามารถทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อจัดการกับความรุนแรงต่อผู้หญิงได้ ภายใต้กรอบการทำงานที่เป็นแผนระดับชาติ เพราะแม้ว่าการลงโทษผู้กระทำผิดจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือการป้องกันความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก

...