รวบผู้ต้องหาหลอก กดไลค์ กดแชร์ ผู้เสียหาย400ราย มูลค่า140 ล้านบาท
979
https://www.js100.com/en/site/news/view/79920
COPY
23 พฤศจิกายน 2562, 16:55น.
การหลอกลวงประชาชนผ่านสื่อออนไลน์ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง คดีนี้ก็เช่นกันหลังมีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอว่าถูกนายณรงค์ อินลี ผู้ต้องหาหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมกดแชร์กดไลค์สินค้าของแบรนด์ต่างๆโดยมีเงื่อนไขว่าผู้เสียหายจะต้องนำเงินมาเป็นค่าประกันการทำงานตั้งแต่1,500-20,000บาท ถึงจะได้ค่าตอบแทนหรือค่าจ้างทำงานวันละ 20-200 บาท และหากอยากได้เงินค่าจ้างมากกว่านี้ก็ต้องวางเงินเพิ่มหรือไปชักชวนบุคคลอื่นมาทำงาน
ล่าสุด ตำรวจสามารถจับกุมนายณรงค์ได้เมื่อคืนนี้ ที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว และเมื่อช่วงเช้าได้นำตัวขออำนาจศาลฝากขังเรียบร้อยแล้ว
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและสังคม พร้อมพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในช่วงแรกผู้ต้องหาจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินสดและโอนเข้าบัญชี แต่ธนาคารเห็นความผิดปกติจึงมีการจำกัดรอบวงในการโอนเงิน ผู้ต้องหาจึงได้เปลี่ยนไปจ่ายเงินให้ผู้เสียหายด้วยหน่วยสกุลเงินบิตคอยที่ชื่อ NRV อ้างว่าเงินสกุลที่บริษัทสร้างขึ้น แต่ที่จริงแล้วเงินสกุลนี้ มีอยู่แล้วในตลาดบิทคอย
จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาควบคุมและปั่นราคาของบิทคอยสกุลเงินนี้เองและพบว่ามีการฟอกเงินค่าประกันการทำงานของกลุ่มผู้เสียหายเพื่อให้ง่ายต่อการเบิกหรือถอนโดยไม่ผ่านการตรวจสอบของตำรวจและธนาคาร จากการสอบปากคำผู้ต้องหานั้น ไม่ให้ความร่วมมือและไม่ยอมให้ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ได้จากผู้เสียหาย จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้มีการจ้างงานกดไลค์กดแชร์จากบริษัทตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง ขณะเดียวกันชุดสืบสวนของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. เข้าค้นพื้นที่เป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัท รวม44เป้าหมาย49จุด สามารถตรวจยึดของกลางหลายรายการ คอมพิวเตอร์41เครื่อง โทรศัพท์มือถือ28เครื่อง ซิมโทรศัพท์159อัน สมุดบัญชีธนาคาร10เล่ม รายชื่อลูกค้า1,300ราย และเอกสารต่างๆของบริษัทอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงอายัดทรัพย์สิน รถหรู2คันมูลค่ากว่า7ล้านบาท โฉนดที่ดิน2ฉบับ บ้านเดี่ยวย่านลาดพร้าว3หลัง คอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท16 4ห้อง อาคารสำนักงานของบริษัทในซอยนวลจันทร์มูลค่า26ล้านบาท
จากการตรวจสอบข้อมูลความเสียหายทั่วประเทศในคดีนี้ พบว่า ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลมีจำนวนผู้เสียหายมากที่สุด จำนวน299ราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า120ล้านบาท รองลงมาอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน82 ราย ความเสียหายมากกว่า10ล้านบาท รวมจำนวนผู้เสียหายในคดีมากถึง400ราย มูลค่าความเสียหายเกือบ140ล้านบาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและสังคม ระบุว่า จะมีการเรียกธนาคาร และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ มาประชุมเพื่อหารือแนวทางการป้องกันไม่ให้คนร้ายสามารถก่อเหตุในลักษณะแชร์ลูกโซ่ และจำกัดวงความเสียหายรวมถึงหาแนวทางในการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินตลาดเงินบิทคอย
ข่าวทั้งหมด