รมว.ดิจิทัล-ปอท.จับผู้ต้องหาสร้าง Linkปลอม-ขโมยข้อมูลทางไลน์ ผ่านการจูงใจแจกของฟรี

13 พฤศจิกายน 2562, 16:25น.


         การจับกุมผู้ต้องหาสร้างลิ้งค์ 18+, ใบ้หวย, ดูดวง, สติกเกอร์ฟรี ตามระบบไลน์หลอกให้ประชาชนกดลิงค์ก่อนจะแฮกข้อมูล เพื่อนำไปแสวงหาผลประโยชน์ นายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เปิดเผยผลการจับกุมร่วมกันว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยผู้ต้องหาได้นำโปรแกรมสร้างลิงค์ดูดข้อมูลกลุ่มไลน์ เช่น ลิงค์ลามก ลิงค์สติ๊กเกอร์ฟรี ส่งไปกลุ่มไลน์ เมื่อมีผู้ใช้งานกดลิงค์จะถูกดูดข้อมูลเชิญเข้ากลุ่ม จากนั้นจะส่งผู้ใช้งานไลน์นิรนามเข้ากลุ่มเป็นบุคคลที่ไปกดลิงค์นั้น  เพื่อไปยืมเงินเพื่อนในกลุ่มไลน์  ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ มีมูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท รวมทั้งยังมีการแชร์เว็บไซต์ลักษณะลามก เข้าข่ายความผิดฐานเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ฯ, ความผิดเกี่ยวกับสแปมฯ, เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามกฯ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งมีผู้เสียหายหลายคนได้มาแจ้งความไว้แล้ว



          นอกจากนั้น ยังได้จับกุมผู้ต้องหาร่วมกันแฮกข้อมูลคะแนนวอลเล็ตจากระบบโทรศัพท์ผู้อื่นมาแสวงหาประโยชน์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย โดยผู้ต้องหารายนี้จะนำข้อมูลเลขบัตรประชาชนของผู้เสียหาย  แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า ผู้ต้องหาได้เลขบัตรประชาชนผู้เสียหายมาจากใคร จากนั้นจะนำมาลงทะเบียนซิมการ์ดเพื่อเปิดใช้บริการโทรศัพท์อีกเบอร์ เพื่อเข้าถึงคะแนนสะสมของผู้เสียหาย ซึ่งระบบจะเก็บคะแนนสะสมไว้ภายใต้หมายเลขบัตรประชาชนเดียวกัน ต่อมาผู้ต้องหาจะโอนคะแนนสะสมทั้งหมดมายังหมายเลขโทรศัพท์ที่เปิดไว้อีกเบอร์ เพื่อนำไปแลกคะแนนจากแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินออนไลน์เป็นคูปอง สินค้า เช่น บัตรชมภาพยนตร์, คูปองแลกสินค้าจากร้านสะดวกซื้อฯ ก่อนที่จะนำคูปองสินค้าเหล่านั้นมาประกาศขายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว



     ในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ฯ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังฝากเตือนประชาชนหากพบผู้ใช้งานไลน์นิรนามเข้ากลุ่มไลน์และเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสมายัง “ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม” (Anti Fake News Center) เพื่อจะได้ดำเนินการสืบสวนปราบปรามต่อไป

ข่าวทั้งหมด

X