ผู้เสียหายที่เคยถูกแก๊งล่อซื้อเรื่องลิขสิทธิ์ นำข้อเท็จจริงสู้คดี จนพิสูจน์ว่าไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์

          จากเหตุการณ์ล่อซื้อสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ถูกกฎหมาย นายเอ นามสมมุติ เล่าว่า ถูกกลุ่มที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ลิขสิทธิ์มาล่อซื้อสินค้าโมเดลวันพีช ซึ่งเป็นสินค้าลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ปกติแล้วสามารถซื้อขายได้  ซึ่งเมื่อมารับสินค้าตัวแทนลิขสิทธิ์กลับจับและกล่าวหาว่าตนเองขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และไม่ยอมรับฟังที่ตนเองได้ชี้แจงไปแล้วว่าเป็นสินค้าที่ถูกต้อง อีกทั้งยังข่มขู่เรียกเงินถึง 100,000 บาท พร้อมให้เซ็นรับสารภาพหากไม่เซ็นรับก็จะมีความผิดจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งในระหว่างทำบันทึกการจับกุมที่สถานีตำรวจ ตัวแทนลิขสิทธิ์ ได้ใช้สิ่งของต่างๆ เช่น Printer บนสถานีตำรวจ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาด้วย

          นายเอ ระบุว่า ไม่ยอมเสียเงินให้ตัวแทนลิขสิทธิ์และใช้เวลาต่อสู้ทางคดีกว่า  1 ปี 2 เดือน ซึ่งในระหว่างนั้นทีมลิขสิทธิ์มีความพยายามที่จะนำสินค้าคนละแบบมาเปรียบเทียบอ้างว่าของตนเองเป็นของละเมิดลิขสิทธิ์ แต่สุดท้ายแล้วตนเองสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นสินค้างานแท้ ทำให้ทีมลิขสิทธิ์ต้องถอนแจ้งความ จึงเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่าเหตุใดทีมลิขสิทธิ์จึงแยกไม่ออกระหว่างสินค้าจริงกับปลอม จึงขอให้ตรวจสอบหนังสือมอบอำนาจจากตัวแทนลิขสิทธิ์ เพราะมีข่าวออกมาว่ามีการซื้อใบมอบอำนาจด้วย และขณะนี้ตนเองได้แจ้งความกลับตัวแทนลิขสิทธิ์ในข้อหาแจ้งข้อความอันเท็จ และพยายามกรรโชกทรัพย์

         ในวันนี้ กลุ่มผู้เสียหายที่ถูกล่อซื้อจากแก๊งลิขสิทธิ์ เดินทางไปที่สภาทนายความ ขอให้จัดทีมทนายช่วยเหลือทั่วประเทศ นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความนำผู้เสียหายจากมิจฉาชีพล่อซื้อและเรียกทรัพย์ลิขสิทธิ์ เข้ายื่นหนังสือต่อนายนิพนธ์ จันทเวช เลขาธิการสภาทนายความ ขอให้ช่วยจัดตั้งทนายความให้ผู้เสียหายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพราะมีผู้เสียหายจำนวนมากอยู่หลายพื้นที่ โดยขอให้ประกาศรายชื่อในเว็บไซด์ให้ผู้เสียหายสามารถติดต่อไป เลขาธิการสภาทนายความ ระบุว่า จะรับเรื่องนี้ไว้ดำเนินการ โดยมีทนายความรับเรื่องและสอบข้อเท็จจริง โดยมอบหมายให้สภาทนายความแต่ละจังหวัดรับเรื่องไปด้วย พร้อมระบุถึงบริษัทต้นสังกัดลิขสิทธิ์ด้วยว่าหากมอบหมายให้ใครเป็นผู้ตรวจสอบลิขสิทธิ์ควรมีเอกสารดำเนินการอย่างถูกต้องและแสดงตัวชัดเจนพร้อมย้ำด้วยว่าสภาทนายความไม่ได้ส่งเสริมให้คนทำผิด เพราะคนผิดก็ต้องถูกลงโทษ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าผิดก็อย่าทำ หลังจากนี้นายวรกร จะเดินทางไปกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอให้ขึ้นทะเบียนผู้ที่มีสิทธิ์ตรวจสอบลิขสิทธิ์อีกด้วย