เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงในชิลีรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากประชาชนไม่พอใจปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ตลอด 3 สัปดาห์ที่มีการชุมนุม มีคนเสียชีวิตแล้ว 20 ศพ ทำให้รัฐบาลชิลี ยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก(เอเปก) และยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลในศึกโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญของทวีปอเมริกาใต้
สถานการณ์การชุมนุมล่าสุด เอเอฟพี รายงานอ้าง นางเอวีลิน แมทธี นายกเทศมนตรีของเขตโพรวิเดนเซีย กรุงซันติเอโก ว่า ผู้ประท้วงหลายร้อยคนที่ต้องการจะขับไล่รัฐบาลของประธานาธิบดีเซสเตียน ปิเญรา ได้เดินขบวนเข้าสู่ย่านคอสตาเนอรา เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นย่านที่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดและที่ตั้งอาคารสูงที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ หรือหนึ่งในสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของชิลี ในฐานะประเทศที่มีฐานะมั่นคงที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค ซึ่งแต่เดิมไม่เคยเกิดเหตุประท้วงในพื้นที่นี้ ตำรวจได้สกัดผู้ประท้วง ฉีดน้ำแรงดันสูงและยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ประท้วงขณะชุมนุมกันที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า
จากนั้นกลุ่มผู้ประท้วง ได้เดินขบวนไปยังเขตโพรวิเดนเซีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินและย่านชุมชนคนที่มีฐานะมั่งคั่ง ในจุดนี้ ผู้ประท้วงได้จุดไฟเผาขยะ มีการปะทะกับตำรวจ ผู้ประท้วงบางคนปล้นสะดมร้านขายยา ปล้นธนาคาร 2 แห่งและทุบกระจกหน้าต่างอาคารสถานที่ราชการบางแห่งเสียหาย นอกจากนี้ แกนนำผู้ประท้วงได้ส่งข้อความทางสื่อออนไลน์ให้ประชาชนออกมาชุมนุมกันที่บริเวณสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจของสหประชาชาติสำหรับภูมิภาคละตินอเมริกาและแถบทะเลแคริบเบียน ซึ่งอยู่ในเขตวิตาคูรา ย่านคนที่มีฐานะเช่นกัน