ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น. วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น. วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562

เร่งจับกุมคนร้ายโจมตีหน่วยชรบ.ที่จ.ยะลา

           หลังเกิดเหตุคนร้ายยิงถล่มป้อมจุดตรวจของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน( ชรบ.)ในพื้นที่ ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา จำนวน 3 รายทำให้มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต รวม 15 รายและบาดเจ็บอีก 5 ราย พร้อมปล้นปืนไปอีก 8 กระบอก คือ ปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก ลูกซองยาว 2 กระบอก และปืนสั้นอีก 5 กระบอก

            ด้านพล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยนายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาคนใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า การปฏิบัติการของคนร้ายในครั้งนี้ หวังสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้น ถือเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ พร้อมยอมรับว่า จะต้องปรับแผนชุดจรยุทธ์ในหมู่บ้านให้เข้มข้นรัดกุมมากขึ้น เพื่อป้องกันการก่อเหตุในลักษณะนี้อีก ยืนยันยังมีความจำเป็นในการใช้กฎหมายพิเศษเพื่อสกรีน และจำกัดพื้นที่การเคลื่อนไหวของคนร้าย และจะต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น และไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เกิดจากฝีมือของขบวนการแบ่งแยกดินแดน”บีอาร์เอ็น”ที่ตอบโต้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเข้มข้น โดยใช้ชุดปฏิบัติการพิเศษ ที่ผ่านมาฝึกการโจมตีและรบแบบกองโจร แบ่งเป็น 3 ชุด ปฏิบัติการชุด ที่ทำหน้าที่ก่อกวนในพื้นที่ ชุดที่2นำกำลังเข้าโจมตี และกวาดเก็บอาวุธ ส่วนชุดที่3วางระเบิดแสวงเครื่อง บนเส้นทางและเสาไฟฟ้าเพื่อสกัดมิให้เจ้าหน้าที่เดินทางเข้าที่เกิดเหตุได้รวดเร็ว และให้เสาไฟฟ้าล้มเพื่อต้องการดับไฟ เป็นการถ่วงเวลาให้ชุดปฏิบัติการโจมตีถอนตัวอย่างปลอดภัย คาดว่า จะมีผู้ร่วมก่อการถึง 60 คนรถยนต์ในการปฏิบัติการ 10 คัน

          หน่วยข่าวแจ้งว่าบีอาร์เอ็นได้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษเหมือกับหน่วยรบพิเศษของเรา ซึ่งฝึกจากประเทศอินโดนีเซีย เข้ามาอยู่ในพื้นที่ 4 ชุดๆละ 6 คน โดยอยู่ใน จ.ปัตตานี 1 ชุด จ.ยะลา 1 ชุด จ.นราธิวาส 1 ชุด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา 1ชุด โดยเข้ามา เคลื่อนไหวในพื้นที่เมื่อ 2 เดือนที่แล้วและปฏิบัติการครั้งแรกของชุดปฏิบัติการพิเศษดังกล่าวคือการก่อเหตุร้าย ในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ในการชิงรถยนต์ อบต.น้ำดำไปทำคาร์บอมบ์ที่สภ.สะพานไม้แก่น จ.ปัตตานีซึ่งมีการจัดทีม20คนเข้าปฏิบัติการใน4พื้นที่ด้วยกัน

          สำหรับชุดปฏิบัติการ 4 ชุด ที่ฝึกมาจากประเทศอินโดนีเซีย เป็นบุคคลที่เป็นกลุ่ม”หน้าขาว” คือยังไม่มีประวัติของการเป็นแนวร่วมและการก่อการร้ายในพื้นที่ในแฟ้มคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคง ทำให้เจ้าหน้าที่ยากในการติดตามจับกุม และชุด ปฏิบัติการทั้ง 4 ชุด ได้รับคำสั่งจากแกนนำให้ปฏิบัติการด้วยความรุนแรง ต่อเป้าหมายที่เป็นกองกำลังท้องถิ่นใน 4 จังหวัด

          ข่าวแจ้งว่า หลังปฏิบัติการสำเร็จกำลังที่เข้าโจมตี ได้กระจายกันหลบหนีในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยะลา และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ยังไม่ได้ หลบหนีออกจากพื้นที่และมีแนวร่วมได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ซึ่งแนวร่วมได้นำไปรักษาตัวในพื้นที่ปลอดภัย

             ด้าน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ รับทราบรายงานเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดยะลาแล้ว และสั่งการด่วนให้ทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งเยียวยาผู้เสียชีวิตทุกราย

          โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมไปถึงผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงครั้งนี้ กำชับหน่วยงานทั้งด้านความมั่นคงและหน่วยงานปกครอง ให้ความช่วยเหลือเยียวยาทุกวิถีทาง โดยเฉพาะเร่งเข้าไปเยี่ยมเยียนผู้บาดเจ็บและผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนดูแลให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียหาย รวมถึงการดำเนินการทางพิธีกรรมทางศาสนาทั้งหมดด้วย

ทนายความช่วยทำคดีกระทงละเมิดลิขสิทธิ์ ด้านตัวแทนบริษัท ยืนยันมีอำนาจแจ้งจับ

            แนวปฏิบัติการล่อซื้อสินค้าลิขสิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเกิดข้อสงสัยในสังคมกรณีกระทงละเมิดลิขสิทธิ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) กล่าวว่า ต้องไปดูว่าเป็นการล่อซื้อหรือล่อให้กระทำผิด เพราะสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การล่อซื้อ เป็นการล่อเพื่อหาพยานหลักฐานให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่การล่อเพื่อให้กระทำความผิดตรงนี้ไม่เห็นด้วย  ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ชี้แจงแล้วว่าคดีนี้เข้าข่ายการกรรโชกทรัพย์ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เกิดความชัดเจน

          โดยล่าสุดครอบครัวเด็กสาววัย 15 ปี ที่ถูกตัวแทนลิขสิทธิ์ล่อซื้อจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมกลุ่มผู้เสียหายอีกกว่า 20 ราย ที่ถูกตัวแทนลิขสิทธิ์เรียกปรับค่าลิขสิทธิ์การ์ตูน เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา เพื่อคัดกรองว่า ผู้ที่ถูกจับกุมรายใดกระทำผิดจริง และผู้ถูกจับกุมรายใดเข้าข่ายถูกกรรโชกทรัพย์ ก่อนจะแจ้งความดำเนินคดีกับตัวแทนลิขสิทธิ์ในข้อหากรรโชกทรัพย์

          เบื้องต้นผู้เสียหายทั้งหมดให้การค่อนข้างตรงกันว่า ได้รับจ้างทำกระทง สติ๊กเกอร์ เสื้อยืด เคสโทรศัพท์มือถือ แก้วน้ำ และดอกไม้พลาสติกเป็นรูปการ์ตูนขายผ่านทางเฟซบุ๊ก และถูกว่าจ้างล่อซื้อให้ทำสินค้ามาส่งมอบให้กับผู้สั่งซื้อ ก่อนจะถูกจับกุม และเรียกค่าเสียหายรายละ 5,000-100,000 บาท ซึ่งพฤติการณ์การสั่งซื้อสินค้าจะคล้ายๆ กัน คือจะถูกติดต่อล่อซื้อโดยลูกค้าที่เป็นผู้หญิงทำการโอนเงินค่ามัดจำให้ก่อนส่วนหนึ่ง และเมื่อถึงเวลานัดส่งมอบสินค้าก็จะถูกกลุ่มชายที่อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมฐานละเมิดลิขสิทธิ์

          ด้านนายพรเทพ เจริญพงศ์อนันต์ ประธานสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ทนายอาสามาประชุมเพื่อสรุปข้อเท็จจริงแต่ละรายของผู้เสียหาย เพื่อเตรียมจะแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มตัวแทนดังกล่าว 4 ข้อหา คือ 1.แจ้งความเท็จ 2.ปลอมและใช้เอกสารปลอม กรณีอ้างหนังสือของบริษัทที่เป็นลิขสิทธิ์ ที่ภายหลังบริษัทออกประกาศระบุว่าไม่เคยมอบอำนาจจับกุม 3.กรรโชกทรัพย์ 4.กักขังหน่วงเหนี่ยว

          ขณะที่นายประจักษ์ โพธิผล ตัวแทนลิขสิทธิ์บริษัทการ์ตูนแห่งหนึ่ง ชี้แจงสื่อมวลชนที่ร้านกาแฟในซอยลาดพร้าว 15 ว่า กรณีบริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ว่าไม่ได้มอบหมายให้ผู้ใดเข้าจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นั้น เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็นฝ่ายดูแลการจัดจำหน่าย ส่วนบริษัท เวอริเซ็ค จำกัด ที่ตนเป็นพนักงานนั้น เป็นฝ่ายปราบปรามโดยตรงที่ได้รับมอบอำนาจจากประเทศญี่ปุ่น และได้รับมอบหมายให้ดำเนินการด้านลิขสิทธิ์ ยืนยันว่าไม่ใช่คนที่สั่งจองกระทงกับเด็กเพื่อให้มาถูกจับกุม และหากทางครอบครัวหรือบุคคลใดจะแจ้งความกลับ เนื่องจากมองว่าเป็นแก๊งตกทรัพย์ก็ยินดี เพราะบริสุทธิ์ใจและมีหลักฐาน รวมถึงหนังสือมอบอำนาจที่ไม่สามารถขายให้กันได้ ส่วนที่มีข่าวลือว่าจะนำเงินจำนวน 5,000 บาทคืนนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะหากนำเงินไปคืนก็เท่าว่าเป็นผู้ผิดเสียเอง

             พร้อมระบุว่า กรณีของเด็กคือ การทำซ้ำและดัดแปลงลวดลายตัวการ์ตูน โดยใช้เฟซบุ๊กชื่อ อายจ๋า โพสต์รูปกระทงที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม และมีคนสั่งซื้อก่อนที่ทีมงานจะเห็น จึงติดต่อไปในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ส่วนเงิน 5,000 บาท ถือเป็นค่าเสียหายที่ต้องส่งให้กับบริษัทตามสิทธิ โดยผมมีรางวัลนำจับมูลค่าต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

ยูเนสโกคัดเลือก กทม.-สุโขทัย เป็นเมืองสร้างสรรค์แห่งใหม่

           นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานในที่ประชุม ได้แจ้งให้ทราบว่า กรุงเทพฯ และจังหวัดสุโขทัย ได้รับคัดเลือกจากยูเนสโกประกาศให้เป็น 2 ใน 66 เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์แห่งใหม่ หรือ Creative City Network กรุงเทพฯ เป็นเมืองสร้างสรรค์ สาขาการออกแบบ ขณะที่จังหวัดสุโขทัย ได้รับคัดเลือกในสาขาหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน

             นายกรัฐมนตรียังฝากถึงกระทรวงมหาดไทยให้ดูแลพื้นที่ค้าขายของประชาชน หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการจัดระเบียบ จึงฝากให้กระทรวงมหาดไทยดูแลพื้นที่ค้าขายให้กับประชาชน โดยเร่งด่วนเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อน ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

             ส่วนข้อเสนอนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอต่อที่ประชุมทราบว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ นอกสถานที่ที่จังหวัดกาญจนบุรี-ราชบุรี ระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายนนี้ ตรงกับช่วงเทศกาลลอยกระทง จึงอยากเสนอให้คณะรัฐมนตรีใช้กระทงเดียวกันเพื่อเป็นการช่วยลดขยะและมลภาวะ ซึ่งยังไม่ถือเป็นมติของที่ประชุม

รมว.แรงงาน ช่วยแรงงานไทยเสียชีวิตในญี่ปุ่น

           หลังแรงงานไทยเสียชีวิตในญี่ปุ่น จากอาการหัวใจล้มเหลว ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่น เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและประสานกับนายจ้างเพื่อจัดการเผาศพและส่งอัฐิกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ประเทศไทย รวมทั้งให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จ.บุรีรัมย์ ลงพื้นที่ไปดูแลให้กำลังใจครอบครัว ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือตามขั้นตอน

            ส่วนการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น นายจ้างได้แจ้งให้บุตรสาวผู้เสียชีวิตในประเทศไทยทราบ  โดยญาติต้องการให้นายจ้างจัดการเผาศพและส่งอัฐิไปบำเพ็ญกุศลที่ประเทศไทย รวมทั้งจะติดตามสิทธิประโยชน์อันพึงได้ตามกฎหมาย ซึ่งได้แก่ เงินค่าจ้างค้างจ่าย จำนวน 250,000 เยน ซึ่งจะต้องถูกหักเป็นค่ารักษาอาการป่วย เนื่องจากนายจ้างแจ้งว่าไม่ใช่เป็นการเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน ส่วนที่เหลือจะคืนให้กับทายาท นายจ้างจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจัดการศพให้ตามสัญญาจ้าง ผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จะได้รับเงินช่วยเหลือเหมาจ่ายจากกองทุน