ตร.ปส.จับนักค้ายาเสพติดจัดส่งทั่วประเทศ ทั้งยาบ้า-ไอซ์ มูลค่ากว่าร้อยล้านบาท

         การจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหา 5 คน ของกลางยาบ้า 980,000 เม็ด ไอซ์น้ำหนักประมาณ 30 กก.โคคาอีน น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม รวมมูลค่ายาเสพติดและทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ประมาณ 112,500,000 บาท

        พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท. ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า 1 ในคดีที่จับผู้ต้องหาได้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ต.ค.เวลาประมาณ 16.00 น. หลังพบรถยนต์ต้องสงสัยของนายณภัทร ภัทรกาญจน์ อายุ 30 ปี เป็นคนขับ เข้าภายในด่านตรวจยาเสพติด อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบรถยนต์ด้วยเครื่องเอกซเรย์ พบยาสิ่งซุกซ่อนอยู่ในล้อยางอะไหล่รถยนต์สองล้อ จึงเข้าตรวจค้นพบยาเสพติดจำนวน 300,000 เม็ดและในวันเดียวกันยังสามารถตรวจยึดรถนำทางในกระบวนการได้ที่ป่าหญ้า หลังร.ร.สามแยกเจ้าพระยา แต่ไม่พบตัวผู้ต้องหา คดีนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาสอบสวนเพื่อขยายผลเพิ่มเติมเบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกับพวกที่หลบหนี มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต

         ก่อนการจับกุมผู้ต้องหารายนี้ ตำรวจชุดจับกุมมีการสืบเสาะติดตามจนทราบว่าเครือข่ายนักค้ายาเสพติดที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าพื้นที่ อ.พบพระ จ.ตาก โดยเป็นผู้รับงานขนและลำเลียงยาเสพติดมาจากนายทุนพ่อค้ายาเสพติด ภาคเหนือตอนบนและจะส่งมอบให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้อยู่เป็นประจำ โดยใช้เส้นทางพื้นที่ จ.เชียงราย จ.พะเยา จ.แพร่ จ.สุโขทัย จ.กำแพงเพชร จ.นครสวรรค์ เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ

         ส่วนอีกคดีเป็นการจับกุม เมื่อวันที่ 30 ต.ค.พบนายวรรณ พรหมปัญญา อายุ 55 ปี กำลังขับรถเพื่อส่งมอบไอซ์ให้ลูกค้า เมื่อเจ้าหน้าที่พบรถยนต์ต้องสงสัย จึงเข้าตรวจค้นบริเวณลานจอดรถของบ่อน้ำพุร้อนแม่กะจาน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย พบไอซ์น้ำหนักประมาณ 30 กก.ซุกซ่อนอยู่ภายในช่องลับพิเศษโดยเจาะให้สามารถเปิด-ปิดได้บริเวณพื้นรถยนต์ใต้เบาะที่นั่งหลังฝั่งขวาและเชื่อมต่อเข้าไปภายในถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ซุกซ่อนไว้ จากการสอบสวนผู้ต้องหา รับสารภาพว่า รับจ้างขนยาเสพติดให้กับลูกค้าตามที่ได้ว่าจ้าง สาเหตุที่คิดสั้นตัดสินใจลำเลียงยาเสพติด เพราะตัวเองเป็นโรคร้าย(เอดส์) จึงคิดว่าจะเสี่ยงกับการขนส่งยาเสพติดซึ่งหากได้เงินก็จะนำไปใช้จ่ายแต่หากถูกจับกุมได้ก็จะเข้าไปใช้ชีวิตภายในเรือนจำแทน  

         สำหรับคดีนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมมีการสืบสวนทราบข้อมูลก่อนหน้านี้ว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่ายนายเล็กซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านจะมีการส่งมอบยาเสพติดในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ จึงสืบสวนและสามารถจับกุมได้ในที่สุด