ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 แบบเต็มคณะ ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยได้ย้ำถึงแนวคิดหลักในการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยในที่ประชุมผู้นำอาเซียนว่าได้นำผลการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 ไปหารือกับผู้นำ G20 ที่นครโอซากา และได้นำประเด็นความร่วมมือส่งเสริมความยั่งยืนในมิติต่างๆ ไปหารือต่อ ในช่วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก และได้แลกเปลี่ยนมุมมองใน 3 ประเด็นที่อาเซียนควรร่วมกันผลักดัน คือการส่งเสริมความมั่นคงที่ยั่งยืน เพื่อรักษาและเพิ่มพูนสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค อาเซียนควรเน้นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในระดับยุทธศาสตร์ ควรขยายผลจากสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC) ให้แพร่หลายออกไปในวงกว้าง การเสริมสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ความตกลง RCEP คือหัวใจสำคัญจะช่วยรองรับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียน เพิ่มประโยชน์ด้านการค้าและการลงทุนของอาเซียนและภูมิภาค และการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เป็นรูปธรรมในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องเช่นการจัดตั้งเครือข่ายอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาการประมง IUU การแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมกับประเทศคู่เจรจาที่เกี่ยวข้องที่กำลังจะเกิดขึ้นนอกภูมิภาค และการประชุมสุดยอดอาเซียน สาธารณรัฐเกาหลีสมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 ในปลายเดือนนี้
นายกรัฐมนตรีเสนอความเห็นด้วยว่าอาเซียนควรมีบทบาทให้ความช่วยเหลือเมียนมาในการแก้ปัญหาด้านมนุษยธรรมในรัฐยะไข่ผ่านเลขาธิการอาเซียนร่วมมือกับมิตรประเทศที่เมียนมามีความสะดวกใจเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นเฉพาะ
ภายหลังการประชุมผู้นำได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม MOU ระหว่างประธานฟีฟ่ากับเลขาธิการอาเซียนเพื่อส่งเสริมฟุตบอลในอาเซียน และสนับสนุนความปรารถนาร่วมกันของอาเซียนที่จะเสนอตัวร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2034 โดยมีผู้นำอาเซียนเป็นสักขีพยาน
...