ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 08.30 น.วันพุธที่ 30 ตุลาคม2562

30 ตุลาคม 2562, 10:39น.


ออง ซาน ซูจี เยือนไทยร่วมประชุมอาเซียน



          นางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ครั้งที่ 35  และการประชุมที่เกี่ยวข้อง และจะหารือทวิภาคีกับผู้นำอาเซียนหลายประเทศ เป็นการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ของปีนี้ หลังจากการประชุมสุดยอดครั้งแรกของปีนี้ จัดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน



รัฐบาล เตรียมเอกสารลงนามรับรองในที่ประชุมอาเซียน



          การประชุมครั้งนี้ มีผู้นำอาเซียนเข้าร่วมประชุมครบ 10 คน ขณะที่ประเทศคู่เจรจา 7 ประเทศ มีนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุม ยกเว้นสหรัฐฯ ที่ยังรอการยืนยันจากหัวหน้าคณะจากสหรัฐฯ ขณะที่จีนมีนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนมาเข้าร่วมประชุม น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบเอกสารที่จะลงนามหรือรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 2-5 พ.ย. โดยเอกสารที่จะมีการลงนามหรือรับรองในการประชุม มีทั้งหมด 45 ฉบับ และ ครม.เห็นชอบ 22 ฉบับ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.เอกสารที่ผู้นำจะรับรอง (to be adopted) จำนวน 13 ฉบับ เช่น ร่างปฏิญญาว่าด้วยการคุ้มครองเด็กจากการแสวงหาผลประโยชน์ในสื่อออนไลน์ในอาเซียน ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิของเด็กในบริบทของการโยกย้ายถิ่นฐาน และร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการยืนยันคำมั่นในความก้าวหน้าการดำเนินงานสิทธิเด็กในอาเซียน เป็นต้น  2.เอกสารที่ต้องออกแถลงการณ์ของประธานการประชุมฯ (to be issued) จำนวน 8 ฉบับ เช่น ร่างแถลงการณ์ของประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ร่างแถลงการณ์ของประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 22 และร่างแถลงการณ์ของประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 16 เป็นต้น 3.เอกสารที่รัฐมนตรีต่างประเทศจะลงนาม จำนวน 1 ฉบับ ได้แก่ ร่างตราสารขยายจำนวนอัตราภาษีในสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์ประชุมอาร์เซ็ป



          ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ครั้งที่ 3 ที่ไทยจะมีการออกแถลงการณ์ร่วมอาร์เซ็ปในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 เพื่อนำไปสู่การจัดทำถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดขึ้นกล่าวต่อที่ประชุมอาร์เซ็ปซัมมิตในวันที่ 4 พ.ย.นี้ เป็นเวลา 2 นาที จากนั้นจะเป็นคิวของประธานคนต่อไปคือเวียดนาม และอินโดนีเซีย ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการเจรจา (ทีเอ็นซี) และสิงคโปร์ ในฐานะประธานปี 2561 ก่อนส่งต่อให้ผู้นำแต่ละประเทศขึ้นกล่าวถ้อยแถลงทั้ง 16 ประเทศในเวลาเท่ากัน จากนั้นเลขาธิการอาร์เซ็ป จะกล่าวแถลงการณ์ร่วมผู้นำ หรือ Joint Leaders Statement ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องมีคำว่า "สามารถสรุปการเจรจาได้" หรือ Conclusion จึงจะถือว่าการเจรจาอาร์เซ็ปประสบความสำเร็จ



นายกฯไทย หารือนายกฯจีน 5 พ.ย.



          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นัดหารือข้อราชการกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 5 พ.ย.การเดินทางมาเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีจีนครั้งนี้จะใช้โอกาสนี้ยืนยันความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับจีน และกำหนดทิศทางพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะต่อไป รวมถึงแลกเปลี่ยนความเห็นทั้งในประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศที่สนใจร่วมกันในเรื่องอื่นด้วย นอกจากนี้ จะหารือโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะที่ 1 (กรุงเทพฯนครราชสีมา) หรือโครงการรถไฟไทย-จีน วงเงิน 179,412 ล้านบาท ที่เริ่มก่อสร้างแล้ว แต่ยังมีความล่าช้า โครงการรถไฟไทย-จีน เดินหน้าก่อสร้างไปแล้วแต่มีความล่าช้า เพราะเป็นโครงการระหว่างรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ทั้ง 2 รัฐบาลต้องทำงานร่วมกันและที่ผ่านมาจีนอาจไม่เคยทำโครงการลักษณะนี้กับประเทศอื่น ส่วนไทยก็ไม่เคยทำงาน ในโครงการลักษณะนี้เช่นกัน



          นอกจากนั้น ครม.ได้เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลจีน 2 ฉบับ ที่จะลงนามวันที่ 5 พ.ย.นี้ คือ 1.ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิชาการ และนวัตกรรม ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของไทย  กับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ข้อริเริ่มเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางครอบคลุม 11 ด้าน 2.ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ระหว่างกระทรวงกลาโหมกับคณะกรรมการบริหารงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศแห่งจีน เพื่อแสดงเจตจำนงทั้ง 2 ฝ่าย จะร่วมมือกันเสริมสร้าง ขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ



ลงทะเบียนรับสิทธิชิมช้อปใช้เฟส 2 เก็บตกวันนี้อีก 28,049คน



          รายงานข่าวจากธนาคารกรุงไทย ระบุว่า โครงการชิมช้อปใช้เฟส 2 เก็บตก ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ เปิดให้ลงทะเบียนช่วงเช้าเวลา 06.00 น.จำนวน 14,025 คน และ ช่วงเวลา 18.00 น. จำนวน 14,024 คน รวม 28,049 คน จากเมื่อวานนี้ประชาชนลงทะเบียนรอบเย็นครบ 87,212 คน ในเวลา 18.56 น. แม้ว่าระบบมีความหน่วงอยู่บ้างจากการลงทะเบียนพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ใครที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนอย่าพลาดวันนี้  www.ชิมช้อปใช้.com.   



สอบปากคำแฮกเกอร์ป่วนชิมช้อบใช้



         การแถลงจับแฮกเกอร์ป่วนการลงทะเบียนในโครงการชิมช้อบใช้เฟส 2 นายพุทธพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) เปิดเผย ผลจับกุมนายธีรณัฐ มหัทธโนบล อายุ 19 ปี อยู่ที่จังหวัดปัตตานี ผู้ก่อเหตุรบกวนระบบลงทะเบียนชิมช้อปใช้ จนทำให้ระบบล่าช้า-ลงทะเบียนไม่ได้ ตำรวจ บก.ปอท. ได้ทำการสืบสวนจนรู้ตัวผู้กระทำผิดก่อนจะขอศาลออกหมายจับและติดตามไปจับกุมตัวได้ที่จังหวัดปัตตานี พร้อมแจ้งข้อหากระทำผิดตามมาตรา 10 ของพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  มีโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี ปรับสูงสุด 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 13 เผยแพร่ ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท



          นายธีรณัฐ ให้การว่า ตนได้กระทำการเพียงคนเดียว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายธีรณัฐ เป็นผู้เขียนชุดคำสั่งเอง ก่อนนำไปเผยแพร่ทางเฟซบุ๊กของตนเอง และทางเว็บไซต์ understop จากนั้นได้หลอกให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้ระบบ โดยอ้างว่าจะทำให้เข้าสู่ระบบชิมช้อปใช้ได้เร็วขึ้น ซึ่งช่วงที่ข้อมูลพีคที่สุดคือมีการเข้าถึงเว็บไซต์ชิมช้อปใช้พร้อมกันถึง 20 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากบอทที่ผู้ต้องหาทำซ้ำขึ้นมาป่วนระบบ นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานว่านายธีรณัฐ ได้ทดลองแฮกเข้าระบบตั้งแต่โครงการชิมช้อปใช้ ในเฟสที่ 1



คาดเฟด ลดดอกเบี้ยอีกรอบ



           ที่ประชุมครม.ได้นำรายงานการประเมินเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ได้เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อนมาแจกในที่ประชุมครม.และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดหลังจากที่ไอเอ็มเอฟได้มีมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยมากขึ้น



          ความเคลื่อนไหวสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 27 เซ็นต์ ปิดที่ 55.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 2 เซ็นต์ ปิดที่ 61.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร(29ต.ค.) ปิดลบในกรอบแคบๆ นักลงทุนทบทวนรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆ และพาดข่าวหัวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ดาวโจนส์ ลดลง 19.26 จุด ปิดที่ 27,071.46 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.53 จุด  ปิดที่ 3,036.89 จุด แนสแดค ลดลง 49.14 จุด ปิดที่ 8,276.85 จุด และมีการคาดหมายว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกรอบในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน 2 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันนี้ ช่วยพยุงตลาดแกว่งตัวในแดนบวก ราคาทองคำ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 5.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,490.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์



 



 

ข่าวทั้งหมด

X