อังกฤษ โอนคดีคนขับรถบรรทุกขน 39 ศพ ให้ศาลอาชญากรรมกลางพิจารณา

          คดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ ควบคุมตัวนายมอริส โรบินสัน วัย 25 ปี ชาวไอร์แลนด์เหนือขับรถบรรทุกตู้แช่แข็งขนาดใหญ่ข้ามพรมแดนจากเบลเยียมด้วยการโดยสารเรือเฟอรี่ ที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9-12 ชั่วโมง มาขึ้นฝั่งที่เมืองเพอร์ฟลีต ก่อนขับรถมาจอดที่นิคมอุตสาหกรรมในเมืองเกรย์สของมณฑลเอสเซ็กซ์ เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดตู้แช่แข็ง พบผู้เสียชีวิตอยู่ในนั้น 39 ศพ ตำรวจอังกฤษ สอบปากคำและนำตัวขึ้นศาลเมืองเชล์มสฟอร์ด  นายโรบินสัน ยืนยันชื่อ นามสกุล อายุ และสัญชาติของตัวเองเท่านั้น ก่อนที่ผู้พิพากษา กล่าวเรื่องที่นายโรบินสัน เป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาอุกฉกรรจ์ รวม 43 กระทง แบ่งเป็น 39 กระทง ในข้อหาฆาตกรรม ส่วนอีก 3 ข้อหา คือข้อหาสมคบคิดค้ามนุษย์ สมคบคิดลักลอบนำบุคคลเข้าเมือง และมีส่วนร่วมในการฟอกเงิน นายโรบินสัน ไม่ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว ศาลจึงมีคำสั่งให้คุมขังจำเลยต่อจนถึงกำหนดการไต่สวนครั้งต่อไปในวันที่ 25 พ.ย.นี้ โดยจะมีการโอนคดีไปยังศาลอาชญากรรมกลาง ในกรุงลอนดอน เนื่องจาก พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นคดีค้ามนุษย์คดีสำคัญ

       ส่วนการทำคดี สำนักงานอัยการเบลเยียม ทำการสืบสวนคู่ขนานเช่นกัน โดยเน้นประเด็นที่ว่าผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 39 ศพ แบ่งเป็นหญิง 31 ศพ และชาย 8 ศพ เข้ามาอยู่ในตู้แช่แข็งได้อย่างไรและการเสียชีวิตเกิดขึ้นตอนไหน แม้ยังไม่มีการเปิดเผยสัญชาติของผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลเวียดนาม เปิดเผยว่า ได้รับเอกสารจากรัฐบาลอังกฤษ ขอความช่วยเหลือในการระบุเอกลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ศพแล้ว และอาจมีการส่งเรื่องตามมาอีก นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ และนางพริตี้ พาเทล รมว.มหาดไทย เดินทางไปยังมณฑลเอสเซ็กซ์ เพื่อลงนามในสมุดแสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิต และร่วมวางช่อดอกไม้ใกล้กับบริเวณที่จอดรถบรรทุกด้วย

แฟ้มภาพ