หลังจากที่สหรัฐฯ ส่งหนังสือถึงไทยขอให้ทบทวนการแบนสารเคมีอันตราย 3 ชนิดในภาคเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารไกลโฟเซต เนื่องจากมองว่าจะทำให้ไทยได้รับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าเกษตร เช่น ถั่วเหลือง ข้าวสาลี และจะส่งผลต่อเกษตรกรไทยรวมถึงประเทศคู่ค้าของไทยด้วย นางจิลเลี่ยน บอนนาร์โดซ์ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมร่วมกันระหว่างองค์การอนามัยโลก (WHO) กับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เมื่อปี 2559 ได้สรุปผลว่าอาหารที่มนุษย์รับประทานซึ่งมีพืชที่ถูกใช้สารไกลโฟเซตอยู่ด้วย ไม่ได้ส่งผลกระทบหรือสร้างความเสี่ยงในกลุ่มผู้บริโภค คณะกรรมาธิการโครงการมาตรฐานอาหารของทั้ง 2 องค์กรนี้ได้ยืนยันและให้ความมั่นใจด้วยว่าจะมีความปลอดภัย ถ้าใช้สารไกลโฟเซตอย่างถูกวิธีและในปริมาณจำกัด
ขณะเดียวกัน เมื่อเดือน ธ.ค.2560 สำนักงานอนุรักษ์และปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับวัตถุที่มีภัยต่อสุขภาพมนุษย์ สรุปผลการศึกษาว่าสารชนิดนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบทางลบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อสุขภาพของมนุษย์ ถ้ามีการใช้ตามฉลากและมีการควบคุม อีกทั้ง การวิจัยของสำนักงานแห่งนี้ยังตรงกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของหน่วยงานอื่นๆในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงผลการค้นคว้าวิจัยของ WHO และ FAO อีกทั้งการสั่งห้ามใช้สารไกลโฟเซตไม่ได้ช่วยให้อาหารปลอดภัยมากขึ้น และไม่ได้ช่วยเรื่องการทำเกษตรอย่างยั่งยืน ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่มีการใช้สารดังกล่าว จะทำให้เกษตรกรต้องประสบปัญหาการควบคุมวัชพืชที่มาคุกคามพืชผลทางการเกษตร
CR:ภาพจากเฟสบุ๊ก สถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย