ประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเญร่า ของชิลี ประกาศวานนี้ (19 ต.ค.) ว่า จะระงับการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟใต้ดิน หลังจากเกิดการชุมนุมประท้วง โดยในการถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์ จากทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงซานติอาโก ประธานาธิบดี กล่าวว่า เขาขอน้อมรับฟังเสียงประชาชน และประกาศให้มีคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อวิตกกังวล
ด้านกำลังทหารและรถถังถูกส่งลงพื้นที่ตามถนนสายต่างๆ ในกรุงซานติอาโก วานนี้ (19 ต.ค.) หลังจากนายปิเญร่าประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงซานติอาโก เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม และเป็นการส่งกำลังทหารลงพื้นที่บนท้องถนนในเมืองหลวงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2533 ขณะที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและฉีดน้ำแรงดันสูงใส่กลุ่มผู้ประท้วง ขณะเดียวกัน ตำรวจจับกลุ่มผู้ประท้วงมากกว่า 300 คน ตำรวจบาดเจ็บ 156 นาย และพลเรือนบาดเจ็บ 11 คน นอกจากนี้ กองทัพชิลีประกาศเคอร์ฟิวในบางพื้นที่ของกรุงซานติอาโก ในช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา (19 ต.ค.) มีการยกเลิกการจัดงานด้านวัฒนธรรมและกีฬา รวมทั้งร้านค้าต่างๆ ปิดทำการ ส่วนระบบรถไฟใต้ดินในกรุงซานติอาโกจะยังคงปิดทำการ จนถึงวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.) และมีสถานีรถไฟใต้ดิน 41 สถานี จาก 136 สถานี ที่ได้รับความเสียหายจากการทำลายทรัพย์สิน ขณะเดียวกัน มีรายงานการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับตำรวจในอีกหลายเมืองของชิลี
อย่างไรก็ตาม มีการเผยแพร่ภาพนายปิเญร่าอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียนหรูหรา และกำลังฉลองวันคล้ายวันเกิดให้หลานชาย เมื่อคืนวันที่ 18 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วงในกรุงซานติอาโก ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ในชิลี เกี่ยวกับการสะท้อนถึงการเป็นผู้นำประเทศที่ประชาชนคนธรรมดาเอื้อมไม่ถึง
....