หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม 4 ราย ประกอบด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายพยนต์ สินธุนาวา รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ และนายมณฑล แก้วเก่า รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมว่าเป็นการโยกย้ายให้พ้นหน้าที่การเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 13/2562 (คดีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่)
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายตามมติครม.ดังกล่าว เป็นการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นเทียบเท่าอธิบดี ถือเป็นความก้าวหน้าอีกระดับหนึ่งของข้าราชการ พ.ต.ท.กรวัชร์ ได้สมัครใจเข้ารับการคัดเลือกตามประกาศสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เรื่องการรับสมัครคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อเสนอชื่อเข้ารับการคัดเลือกเพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงยุติธรรม ลงวันที่ 20 กันยายน 2562 จึงมิได้เป็นการโยกย้ายให้พ้นหน้าที่การเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษคดีการหายตัวไปของนายพอละจี ขอให้สาธารณชนอย่าได้เข้าใจคลาดเคลื่อน และขอให้มั่นใจการทำงานแบบสหวิชาชีพของดีเอสไอในรูปแบบคณะกรรมการ โดยปราศจากแทรกแซง ซึ่งประกอบด้วย พนักงานอัยการ พนักงานสอบสวน และผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีพ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ตามคำสั่งเดิมที่มีอยู่แล้ว และยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง แต่จะมีรองอธิบดีคนอื่น กำกับดูแลการทำงานของกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาคมาทำหน้าที่แทนพ.ต.ท.กรวัชร์ ตามสายบังคับบัญชา ทั้งนี้ คดีหายตัวไปของนายพอละจี เป็นคดีที่ดีเอสไอ ให้ความสำคัญ ในส่วนตัวจะดูแลการทำงานอย่างใกล้ชิด
CR:กรมสอบสวนคดีพิเศษ