กรมชลประทาน กำหนดจุดเฝ้าระวังน้ำท่วมใต้ 89 จุด 16 จังหวัด

          การเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนภาคใต้ ที่จะมีฝนตกชุกต่อเนื่องในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน วันนี้มีการประชุมโดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน พร้อมด้วยนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมประชุม ที่สำนักงานชลประทานที่ 14 อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

          นายทองเปลว เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำภาคใต้ปัจจุบัน (10 ก.ย.) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนปราณบุรี เขื่อนรัชประภา และเขื่อนบางลาง มีปริมาณน้ำรวมกัน 5,513 ล้าน ลบ.ม. ถือว่าเป็นระดับที่ต้องเฝ้าระวัง อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 46 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกัน 351 ล้าน ลบ.ม. และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 106 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกัน 31 ล้าน ลบ.ม. โดยคาดการณ์ปริมาณฝนเฉลี่ย วันที่ 1 พฤศจิกายน อ่างเก็บน้ำ ขนาดใหญ่จะมีปริมาณน้ำรวมกัน 5,705 ล้าน ลบ.ม. และจากการคาดการณ์ปริมาณฝนเฉลี่ย วันที่ 1 ธันวาคมอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จะมีปริมาณน้ำรวมกัน 5,930 ล้าน ลบ.ม.

          กรมชลประทาน ได้วางแผนการบริหารจัดการน้ำ และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนในพื้นที่ภาคใต้ โดยสั่งการให้โครงการชลประทานทุกแห่งในพื้นที่ภาคใต้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังให้เร็วที่สุด รวมไปถึงการตรวจสอบอาคารและระบบชลประทานในพื้นที่ให้สามารถรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ และเน้นย้ำให้บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด ปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ เพื่อไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานบูรณาการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทั่วถึง รวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์

          นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้กำหนดพื้นที่เฝ้าระวังอุกภัยภาคใต้ ทั้งหมด 89 จุด 16 จังหวัด และเตรียมความพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักร โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานปล่อยขบวนคาราวานเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าประจำจุดเสี่ยงเพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่หากเกิดอุทกภัยได้ทันที อาทิ เครื่องสูบน้ำจำนวน 464 เครื่อง โดยดำเนินการติดตั้งแล้ว 49 เครื่อง และสำรองอีก 415 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำจำนวน 300 เครื่อง ดำเนินการติดตั้งแล้ว 28 เครื่อง และสำรองอีก 272 เครื่อง รถแทรกเตอร์ และรถขุดจำนวน 308 คัน เครื่องจักรกลสนับสนุนอื่นๆ อีกจำนวน 170 หน่วย รวมเครื่องจักร เครื่องมือทั้งหมด 1,242 หน่วย

...