การปราบปรามยาเสพติด ล่าสุดมีการขยายผลมาจากเมื่อเดือนสิงหาคม ที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี หรือ กก.ดส.ได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่นนทบุรี หลังพบข้อมูลว่ามี 2 เครือข่ายขนยาเสพติดในเส้นทางกรุงเทพมหานคร-นนทบุรีคล้ายกัน แม้ยังไม่พบความเชื่อมโยงกัน ซึ่งชุดทำงานอยู่ระหว่างค้นหาตัวนายทุนผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะอาจจะเป็นนายทุนคนเดียวกัน
พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กก.ดส.ลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี จับกุมนายกิติพงษ์ หรือ โม ขจัดภัย ผู้ต้องหาลักลอบขนยาเสพติด โดยมีนายทุนเบื้องหลังคอยสั่งการนายบอลผู้ต้องหาอีกรายที่อยู่ระหว่างการติดตามตัว สั่งการอีกทอดหนึ่งให้นายกิติพงษ์ไปรับยาเสพติดแถวบางบัวทองและนำไปส่งต่อให้กับเครือข่าย ย่านวุฒากาศ และตลิ่งชัน โดยในคืนวันที่ 7 ตุลาคม 2562 ตำรวจกก.ดส.ได้พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีน้ำเงิน ทะเบียน ผธ 4316 ชลบุรี ซึ่งเป็นรถที่เครือข่ายนี้ใช้รับส่งยาเสพติดบริเวณถนนกาญจนาภิเษก ตำรวจจึงสะกดรอยตามไปจนถึงถนน 340 พื้นที่ สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ก่อนจะเข้าสกัดรถ แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมหยุดรถ กลับขับรถหลบหนีต่อไปจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน ฝั่งขาเข้า เมื่อจนมุมผู้ต้องหาตัดสินใจจอดรถทิ้งไว้ กลางสะพานข้ามแม่น้ำแล้วกระโดดสะพานลงแม่น้ำท่าจีน จึงได้ประสานตำรวจสภ.บางปลาม้า พื้นที่รับผิดชอบร่วมกันปิดล้อมพื้นที่และค้นหาจนพบตัวและเข้าจับกุมตัวได้ ที่บริเวณตอม่อใต้สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน
จากการตรวจค้นรถยนต์กระบะคันที่ก่อเหตุ พบไอซ์ บรรจุอยู่ในห่อพลาสติกหลายห่อน้ำหนักรวม 132 กิโลกรัม และยังพบคีตามีน บรรจุอยู่ในห่อพลาสติกใบชาสีเขียวจำนวน 5 ห่อ ห่อละ 1 กิโลกรัม น้ำหนักรวม5 กิโลกรัม ซึ่งของกลางทั้งหมดเชื่อว่าเป็นของใหม่ ไม่ใช่ของค้างเก่า เนื่องจากยังมีสีสดใหม่อยู่ แต่ก็ต้องส่งตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง จากการสอบปากคำนายกิติพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า ทำมาแล้ว 6 ครั้งแต่ละครั้งจะได้ค่าจ้างไม่เท่ากัน แล้วแต่จำนวนยาเสพติด ครั้งนี้ได้ค่าจ้างสูงสุดมากถึง50,000บาท เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน(ไอซ์)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย,มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 คีตามีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย