การยกระดับป้องกันการทุจริตในภูมิภาคอาเซียน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU 2 ฉบับ ระหว่างป.ป.ช.ไทยกับหน่วยงานต่อต้านการทุจริตของลาว และอินโดนีเซียว่า การทุจริตกลายเป็นอาชญากรข้ามชาติและหลายคดีที่ป.ป.ช.ไทยทำ ต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่อต้านการทุจริตของประเทศต่างๆ ทำให้ต้องมีการลงนามระหว่างกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตและจัดอบรมให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศให้เกิดความคุ้นเคยกันมากขึ้น
การลงนามวันนี้เป็นการลงนามขยายสัญญาจากบันทึกความเข้าใจฉบับเดิมที่หมดอายุ ในส่วนการลงนามกับอินโดนีเซียส่วนหนึ่งจะเน้นไปที่การประสานขอข้อมูลเกี่ยวกับคดีปลูกปาล์มน้ำมันที่อินโดนีเซียเพื่อให้รูปคดีเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ตามกระบวนการทางกฎหมาย อัยการสูงสุดเป็นผู้ประสานงาน สำนวนที่ได้จึงจะนำมารวมในหลักฐานได้
ขณะนี้คดีมีคืบหน้ามากแล้วอยู่ระหว่างแจ้งข้อกล่าวหาและรอคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยสิ่งที่กรรมการป.ป.ช. ได้จากการไปร่วมสังเกตการณ์การสืบพยานคดีนี้ที่ประเทศอินโดนีเซียก็จะส่งไปให้อัยการสูงสุดเพื่อรวบรวมไว้ในสำนวนคดีต่อไป พร้อมระบุว่ายังไม่ทราบข้อเท็จจริงกรณีที่มีบุคคลที่อ้างว่าตัวเองเป็นอดีตประธานสภาหอการค้าไทย-อินโดนีเซียและระบุว่ามีกรรมการป.ป.ช.ไทยติดสินบนเพื่อบิดเบือนข้อมูลในคดีนี้ โดยส่วนตัวยังเห็นแค่ข่าว
สำนักงานป.ป.ช.ของประเทศไทย ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของหน่วยงานต่อต้านการทุจริตในภูมิภาคอาเซียน(SEA-PAC Principals Meeting) ครั้งที่ 15 ที่มีการจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 ตุลาคม