ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น. วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562

09 ตุลาคม 2562, 07:20น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้07.30 น. วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562



สภาพอากาศวันนี้ 'เหนือ-อีสาน' ฝนน้อยลง 'ตะวันออก-ใต้' ฝนตกหนักบางแห่ง



          กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 9 ตุลาคม 2562 ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการกระจายของฝนน้อยกว่าภาคอื่นๆ



          ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยาบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ ทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันออกพัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.



ขยายเวลาลงนามโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม3สนามบิน



           หลังนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) ขอให้รัฐบาลร่วมรับความเสี่ยงกับภาคเอกชนในการลงทุนด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (คค.) ระบุถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมืองสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) รวมระยะทาง 220 กิโลเมตร (กม.) มูลค่า 2.2 แสนล้านบาท โดยกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) เป็นผู้เสนอราคามาในอันดับ 1 ว่า เป็นสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของนายธนินท์ แต่รัฐบาลต้องดำเนินการตามกฎหมาย และเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารคัดเลือกเอกชน



          ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ จะประชุมคณะอนุกรรมการ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและตน เป็นรองประธาน รวมถึงปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม คงมีการดำเนินการไม่ใช่เฉพาะโครงการนี้ เนื่องจากในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) มีหลายโครงการย่อยอยู่ในนั้น เพื่อดูว่าจะทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ในพื้นที่ร้อยละ 72  ผู้ชนะการประกวดราคา เป็นคู่สัญญา คงต้องใช้เวลาเคลียร์เรื่องส่งมอบพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี จึงคิดว่าทุกอย่างจะทันตามกรอบเวลา เนื่องจากหลังจากที่คณะอนุกรรมการมีการประชุม จะได้ดูว่าส่วนรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่มีสาธารณูปโภคอยู่ในโครงการมีแผนการอย่างไร หากทำได้ทัน จะเปิดให้ขยายเวลาได้อยู่แล้ว และไม่มีเบี้ยปรับ ถือเป็นหลักปกติในการปฏิบัติงาน



           ส่วนการลงนามที่เลื่อนออกไปอีก 10 วัน เนื่องจากบอร์ดรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ลาออกทั้งคณะ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อยู่ระหว่างเสนอชื่อบอร์ด รฟท.ชุดใหม่ และจะส่งกลับไปกระทรวงคมนาคม พิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ก่อนจะนำเข้าสู่ ครม.พิจารณาในวันที่ 15 ตุลาคมนี้  เชื่อไม่กระทบเดินหน้าโครงการ



ชิมช้อปใช้เฟส 2



             นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า วันที่ 8 ตุลาคม นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 2 โดย สศค.เสนอแนวทางปฏิบัติในมาตรการดังกล่าวต่อที่ประชุม ซึ่งมีหลายแนวทาง ดังนั้น ที่ประชุมขอกลับไปพิจารณาข้อดีข้อเสียและจะนำมาหารือเพื่อสรุปอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 22 ตุลาคมนี้ จากเดิมตั้งใจว่าจะเสนอมาตรการดังกล่าวเข้า ครม.ได้ในอังคารที่ 15 ตุลาคมนี้ แต่เนื่องจากมีวาระเข้าสู่การพิจารณาจำนวนมาก มาตรการชิมช้อปใช้เฟส 2 จึงน่าจะเลื่อนออกไป



          โจทย์ของชิมช้อปใช้เฟส 2 คือ ทำอย่างไรให้ประชาชนยอมนำเงินในกระเป๋าออกมาใช้จ่าย และการใช้จ่ายต้องกระจายในพื้นที่เป้าหมาย เช่น พื้นที่ในจังหวัดที่เล็กกว่าเมืองรอง ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือสตูล เป็นต้น โดย สศค.ได้เสนอแรงจูงใจ เช่น เพิ่มวงเงินจ่ายคืน (Cash Back) จากเฟสแรกที่ให้ร้อยละ 15 ของการใช้จ่ายในวงเงินไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือนำการใช้จ่ายจำนวนหนึ่งไปลดหย่อนภาษีเงินได้



          นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิมช้อปใช้ ระยะ 2 ว่า กระทรวงพลังงานกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางเข้าร่วมมาตรการชิมช้อปใช้ ระยะ 2 ว่าจะดำเนินการในรูปแบบใดได้บ้าง



          นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการชิมช้อปใช้คึกคักเป็นอย่างมาก ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันทั่วประเทศ แต่อยากฝากแจ้งประชาชนผู้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ในวันแรก เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 ซึ่งได้ทำการยืนยันและเปิดระบบแล้ว ให้รีบใช้จ่ายเงินบางส่วน ครั้งแรกภายใน 14 วัน เพื่อป้องกันระบบตัดคืนเงิน



เสนอชื่อปลัดกระทรวงพลังงานนั่งประธานบอร์ด กฟผ.



          ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ตุลาคม กระทรวงพลังงานจะเสนอชื่อนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน  เป็นประธานบอร์ด กฟผ. ภายหลังผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จากนั้นคาดว่าจะเดินหน้าภารกิจต่างๆ ของ กฟผ.ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากบอร์ด หลังจากไม่มีบอร์ดพิจารณามาระยะหนึ่ง



          ส่วนความคืบหน้าการเปิดเสรีก๊าซ ภายหลังยกเลิกประมูลก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปริมาณ 1.5 ล้านตัน ล่าสุด กฟผ.ได้รายงานกระทรวงพลังงานว่าได้ออกประกาศเชิญชวนผู้ค้าเสนอราคาสปอตแอลเอ็นจีเพื่อจัดหาให้ กฟผ.ทดลองใช้กับโรงไฟฟ้าวังน้อย และบางปะกง เบื้องต้น ทดลองจำนวน140,000 ตัน หรือ 2 ลำเรือ ลำละ 70,000 ตัน พบว่ามีเอกชนสนใจยื่นเสนอราคารวม 41 ราย



9 ต.ค.เปิดประชาพิจารณ์ 6 พื้นที่นำร่องโรงไฟฟ้าชุมชน



          รายงานข่าวแจ้งว่า ในการรับฟังความเห็นการขับเคลื่อนโรงไฟฟ้าชุมชนวันที่ 9 ตุลาคม จะมีการพิจารณาพื้นที่นำร่องโครงการ 6 แห่ง อาทิ ขอนแก่น เชียงใหม่ สตูล ประจวบคีรีขันธ์ โดยกระทรวงพลังงานจะยึดหลักให้ กฟผ.มีส่วนในการผลิตไฟฟ้าก่อน เพราะคำนึงด้านความมั่นคง โดย กฟผ.มีโรงไฟฟ้าในพื้นที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะเดียวกันจะสนับสนุนเอกชนด้วยเช่นกัน อาทิ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือยูเอซี มีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนใน จ.ขอนแก่น จะพิจารณาถึงความเหมาะสมที่จะเข้าร่วมโครงการเช่นกัน



คนไทยติดหวยดันสลากฯแชมป์



          นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ยอดจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจหรือ รสก. และกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 ประจำปีงบประมาณ 2562 เริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค.2561-ก.ย.2562 มีรายได้ทั้งสิ้น 169,159 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 168,000 ล้านบาท จำนวน 1,159 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้นำส่งสูงสุด 10 อันดับแรก หรือคิดเป็นสัดส่วนการนำส่งรายได้แผ่นดินถึง 88% ของเงินนำส่งรายได้ทั้งหมดนั้น จะประกอบไปด้วย 1. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นำส่ง รายได้ทั้งสิ้น 41,916 ล้านบาท, 2. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มียอดการนำส่ง รายได้รวม 29,198 ล้านบาท, 3. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มียอดนำส่งรายได้รวม 18,924 ล้านบาท, 4. ธนาคารออมสิน มียอดนำส่งรายได้รวม 16,538 ล้านบาท 5. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มียอดนำส่งรายได้รวม 10,903 ล้านบาท, 6 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.มียอดนำส่งรายได้รวม 10,500 ล้านบาท, 7. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มียอดรวมนำส่งรายได้ 5,646 ล้านบาท, 8. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มียอดนำส่งรายได้รวม 5,582 ล้านบาท, 9. การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มียอดรวมนำส่งรายได้ 5,500 ล้านบาท, และ 10. การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) มียอดนำส่ง รายได้ 4,760 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจ แห่งอื่นๆ ที่เหลือจะมียอดรวมนำส่งรายได้ทั้งสิ้น 19,692 ล้านบาท

ข่าวทั้งหมด

X