แนวโน้มสถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปีนี้สูงกว่าปีที่แล้ว ขณะที่อี20 มีอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุด

04 ตุลาคม 2562, 12:49น.


          สถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในรอบ 8 เดือนของปี 2562 น.ส.วนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคมปีนี้เติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยกลุ่มน้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 กลุ่มดีเซลหมุนเร็ว เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 น้ำมันอากาศยานเจทเอ1 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 และ LPG เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ในขณะที่ NGV ลดลงร้อยละ 11.1 


          สำหรับการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 32 ล้าน 1 แสน 2 หมื่นลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 3.9 ยกเว้นน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 91 


          ส่วนภาพรวมการใช้น้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 31 ล้าน 1 แสน 4 หมื่นลิตรต่อวัน โดยแก๊สโซฮอล์อี 20 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมากที่สุด อยู่ที่ร้อยละ 13.5 หรือ 6 ล้าน 4 แสน 6 หมื่นลิตรต่อวัน เนื่องจากมีราคาต่ำกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 เฉลี่ยอยู่ที่ 2.97 บาทต่อลิตร จึงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้เพิ่มขึ้น รองลงมาเป็น แก๊สโซฮอล์ อี85 และ แก๊สโซฮอล์ 95  ในขณะที่แก๊สโซฮอล์ 91 มีปริมาณการใช้ที่ลดลงเนื่องจากมีส่วนต่างจากแก๊สโซฮอล์ 95 เพียง 0.27 บาทต่อลิตร จึงทำให้ผู้บริโภคเลือกใช้น้ำมันชนิดที่มีค่าออกเทนสูงกว่า


          การใช้กลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 64 ล้าน 9 แสน 2 หมื่นลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.7


          ด้านการใช้ LPG เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 17 ล้าน 9 แสน 7 หมื่นกก.ต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.2 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้ภาคปิโตรเคมี


          สำหรับการใช้ในสาขาอื่นๆ มีปริมาณการใช้ลดลง โดยภาคครัวเรือน มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 5 ล้าน 7 แสน 9 หมื่นกก.ต่อวัน ภาคอุตสาหกรรม มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 1 ล้าน 8 แสน 1 หมื่นกก.ต่อวัน และภาคขนส่งลดลงมากที่สุด มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 2 ล้าน 8 แสน 7 หมื่นกก.ต่อวัน ส่วนการใช้ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 5 ล้าน 5 แสน 5 หมื่นกก.ต่อวัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 11.1 โดยการใช้ NGV ลดลงเนื่องจากมีการปรับราคา NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไปให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ประกอบกับนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทำให้ประชาชนและรถบรรทุกสินค้าหันไปใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซลหมุนเร็วบี 20 ทดแทน ส่งผลให้สถานีบริการ NGV นอกแนวท่อทยอยปิดตัวลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน


          ส่วนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีปริมาณนำเข้าโดยรวมลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป มีการนำเข้าน้ำมันเบนซิน ดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา และน้ำมันอากาศยานเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่มีการนำเข้า LPG ลดลง เนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและ Emergency Shutdown ทำให้ต้องลดปริมาณการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นกระทบต่อปริมาณการผลิตของผลิตภัณฑ์ทุกชนิดรวมถึง LPG ด้วย ทำให้ต้องมีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อไม่ให้กระทบต่อความต้องการใช้ในประเทศ 


          ด้านการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2561 อยู่ที่ 1 แสน 6 หมื่น 6 พันบาร์เรลต่อวัน โดยมีมูลค่าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ย 11,283 ล้านบาทต่อเดือน โดยพบว่า มีการส่งออกน้ำมันเบนซิน ดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา และ LPG ลดลง ในขณะที่มีการส่งออกน้ำมันอากาศยานและก๊าซเพิ่มขึ้น


           ส่วนนโยบายปรับสมดุลปาล์มน้ำมันและส่งเสริมเกษตรกรปลูกปาล์มโดยส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเชลหมุนเร็ว บี10 อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมธุรกิจพลังงาน จะกำหนดให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เป็นน้ำมันดีเซลฐานสำหรับรถดีเซลทั่วไป น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 เป็นน้ำมันทางเลือกสำหรับรถเก่าและรถยุโรป และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 เป็นน้ำมันทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยมีการพูดคุยกับผู้ค้าน้ำมัน และผู้ผลิตน้ำมัน เพื่อกำหนดแนวทางและระยะเวลาในการผลักดันนโยบาย โดยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันให้เพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ในสถานีบริการ จากนั้นในวันที่ 1 ธันวาคม จะประกาศกำหนดลักษณะและคุณภาพไบโอดีเซล (บี100) เหลือชนิดเดียว และในวันที่ 1 มกราคม 2563 ทุกคลังของผู้ค้าน้ำมันมีการผลิต บี10 และวันที่ 1 มีนาคม 2563 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 มีจำหน่ายในสถานีบริการทุกสถานี


....
ข่าวทั้งหมด

X