สหรัฐฯ-อียูเปิดสงครามการค้ากรณีอุดหนุนแอร์บัสและโบอิ้ง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยกย่องคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการองค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอ ที่อนุญาตให้สหรัฐฯบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีเพื่อตอบโต้ความขัดแย้งซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 15 ปี กรณีที่สหภาพยุโรป หรือ อียู ให้การอุดหนุนอย่างผิดกฎหมายแก่แอร์บัส บริษัทผลิตเครื่องบินของฝรั่งเศส โดยสหรัฐฯจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอียู มูลค่ากว่า 7 พัน 5 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ ทั้งเห็นว่า ประเทศเหล่านั้นปล้นสหรัฐฯ มานานหลายปี
สหรัฐฯ จะขึ้นอัตราภาษีสินค้าประเภทอากาศยานที่นำเข้าสหรัฐฯที่ร้อยละ 10 และร้อยละ 25 สำหรับสินค้าทั่วไป ครอบคลุมถึงชีส น้ำมันมะกอก และสินค้ามากกว่า 150 รายการที่ส่งออกมาจาก 4 ประเทศหลักที่สนับสนุนแอร์บัส ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน และสหราชอาณาจักร
นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าสหรัฐฯ หรือ ยูเอสทีอาร์ เปิดเผยว่าเขาเริ่มเจรจากับอียูในเร็วๆ นี้เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาท ซึ่งเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ยุโรปให้การอุดหนุนอย่างมหาศาลต่อแอร์บัส สร้างความเสียหายรุนแรงให้กับอุตสาหกรรมอากาศยานของสหรัฐฯและแรงงาน และแม้คำพิพากษาของดับเบิลยูทีโอจะอนุญาตให้รัฐบาลวอชิงตันเก็บภาษีเพื่อลงโทษอียูได้เต็มร้อย แต่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีอย่างจำกัด และพร้อมที่จะเก็บภาษีเพิ่ม หรือเปลี่ยนแปลงรายการสินค้าที่จะเก็บภาษีเมื่อใดก็ได้
นางเซซิเลีย มัลสตรอม ประธานคณะกรรมาธิการการค้าของอียู กล่าวว่า อียูพร้อมจะตอบโต้แม้จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนของทั้งสองฝ่าย แต่เธอชี้ว่าทั้งอียูและสหรัฐฯ ต่างมีความผิดเหมือนกัน เพราะขณะที่อียูอุดหนุนแอร์บัส และสหรัฐฯก็อุดหนุนโบอิ้ง
นายบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส เตือนว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอียูมูลค่า 7 พัน 5 ร้อยล้านดอลลาร์ ถือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของสหรัฐฯ และ อียูกำลังรอให้ดับเบิลยูทีโอตัดสินกรณีที่สหรัฐฯอุดหนุนโบอิ้ง และอียูก็จะประกาศใช้มาตรการต่อสหรัฐฯในแบบเดียวกัน
ทางการฮ่องกงเพิ่มมาตรการควบคุมผู้ประท้วง
รัฐบาลฮ่องกงประกาศใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน ห้ามผู้ชุมนุมประท้วงสวมหน้ากากระหว่างการชุมนุมในวันนี้ (4 ต.ค.) เพื่อสกัดกลุ่มผู้ประท้วงหัวรุนแรง ขณะที่ตำรวจเรียกร้องให้คณะผู้บริหารออกมาตรการเคอร์ฟิว โดยในการประท้วงที่ผ่านไป 4 เดือนและยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง สมาชิกสภาฮ่องกงเรียกร้องให้ผู้บริหารฮ่องกงบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากสถานการณ์ชุมนุมประท้วงรุนแรงเมื่อวันอังคาร (1 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 70 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีเหตุที่ตำรวจใช้กระสุนจริงยิงผู้ประท้วงคนหนึ่งจนเสียชีวิต และมีการยิงแก๊สน้ำตามากถึง 1,400 นัดเพื่อสลายการชุมนุม
เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ สื่อฮ่องกง รายงานว่า กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับนี้เขียนไว้ตั้งแต่สมัยที่ฮ่องกงยังเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร การบังคับใช้กฎหมายนี้จึงไม่ต้องขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติก่อน
นอกจากนี้ยังมีกรณีเมื่อวันที่ 29 กันยายน น.ส.เวบี มีกา อินดาห์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ซัวราของอินโดนีเซีย ถูกตำรวจปราบจลาจลยิงด้วยกระสุนยางทำให้ตาบอด ขณะที่มีรายงานด้วยว่า เฉพาะการชุมนุมประท้วงในวันที่ 1 ตุลาคมเพียงวันเดียวมีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมากกว่า 100 คน
คนร้ายใช้มีดไล่แทงเจ้าหน้าที่ในสำนักงานตำรวจกรุงปารีส มีผู้เสียชีวิต 4 ราย
ที่สำนักงานตำรวจกรุงปารีส ฝรั่งเศส เกิดเหตุคนร้ายซึ่งเป็นพนักงานไอทีอายุ 45 ปี ของสำนักงานตำรวจใช้มีดเป็นอาวุธทำร้ายเพื่อนร่วมงานจนเสียชีวิต 4 ราย และมีผู้บาดเจ็บอาการวิกฤติอีก 1 คน สื่อในฝรั่งเศส รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น คนร้ายซึ่งเป็นพนักงานในแผนกข่าวกรอง เดินเข้าไปในอาคารและสำนักงานที่เขาทำงานอยู่ จากนั้นก็ทำร้ายเพื่อนร่วมงาน แล้วพยายามหลบหนี แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตำรวจที่ลานกว้างของสถานีตำรวจ เขาไม่ยอมวางอาวุธ จึงถูกวิสามัญฆาตกรรม
เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีสถานีตำรวจในฝรั่งเศสครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี และคาดว่าจะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในที่ทำงาน
น้ำมันสหรัฐฯในตลาดโลกลดลง 8 วันติดต่อกัน
ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลด 8 วันติดต่อกันเนื่องจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวกเนื่องจากนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 19 เซ็นต์ ปิดที่ 52.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เบรนต์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 2 เซ็นต์ ปิดที่ 57.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนหุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 122.42 จุด หรือร้อยละ 0.47 ปิดที่ 26,201.04 จุด
เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 23.02 จุด หรือร้อยละ 0.80 ปิดที่ 2,910.63 จุด
แนสแดค เพิ่มขึ้น 87.02 จุด หรือร้อยละ 1.12 ปิดที่ 7,872.26 จุด
...