การใช้จ่ายตามมาตรการ "ชิมช้อปใช้" ของรัฐบาล เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จาก 5 วันแรกที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ตามมาตรการแล้วจำนวน 706,450 คน วงเงินใช้จ่ายรวม 628 ล้านบาท จากการใช้จ่ายผ่านทาง g-Wallet ช่องที่ 1 และ 2 พบว่าประชาชนใช้จ่ายในการช้อปมากที่สุด ตามมาด้วยการชิม และการใช้ โดยการใช้จ่ายในช่อง g-Wallet ช่องที่ 1 มีวงเงินรวม 621 ล้านบาท การใช้จ่ายในส่วนนี้กว่าครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 330 ล้านบาท เป็นการใช้จ่ายในร้านช้อปที่เป็นร้านกลุ่มโอท็อป, ร้านวิสาหกิจชุมชน และร้านธงฟ้าประชารัฐ
ส่วนการชิมหรือการใช้จ่ายในร้านอาหารมียอดใช้รวมกันประมาณ 98 ล้านบาท และการใช้จ่ายในร้านใช้ที่เป็นที่พักต่างๆ เช่น โรงแรม มียอดใช้จ่ายรวม 10 ล้านบาท และยังมีการใช้จ่ายตามร้านค้าทั่วไปอีกประมาณ 183 ล้านบาท และมีการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขาเพียง 142 ล้านบาท หรือร้อยละ 22 ของยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด จึงยืนยันว่า การใช้จ่ายตามมาตรการนี้เงินได้ลงไปที่ร้านค้าขนาดเล็กที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยแท้จริง ส่วนการใช้จ่ายในร้านใช้ที่มียอดใช้จ่ายน้อย มองว่าเป็นเพราะขณะนี้คนยังไม่นิยมท่องเที่ยว ขอให้รอผลการใช้ถึงช่วงเดือนพฤศจิกายนตามกำหนดการก่อน
ส่วนการใช้จ่ายในช่อง g-Wallet ช่องที่ 2 มียอดใช้จ่ายประมาณ 7.5 ล้านบาท จากผู้ใช้สิทธิ์ 2,962 คน หรือเฉลี่ยใช้จ่ายคนละ 2,532 บาท แบ่งเป็นใช้จ่ายที่ร้านช้อป 5 ล้านบาท ร้านชิมและร้านใช้เท่ากันที่ 1 ล้านบาท พร้อมมั่นใจว่ามาตรการลดหย่อนภาษีร้อยละ 15 จากการใช้ในช่องทางนี้จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนมาใช้จ่ายมากขึ้น พร้อมประเมินว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะโตร้อยละ 2.8 โดยมาตรการชิมช้อปใช้นี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ประมาณร้อยละ 0.2-0.3