1ต.ค.มีผู้ใช้สิทธิชิมช้อปใช้ เป็น 500,000 ราย ยอดใช้จ่าย 440 ล้าน
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง มั่นใจว่าการลงทะเบียนมาตรการชิมช้อปใช้จะเรียบร้อยครบถ้วนทั้ง 10 ล้านคนได้ตามเป้าหมาย และเชื่อว่าจะมีผู้ที่อยากลงทะเบียนรับสิทธิมากกว่า 10 ล้านคน มีรายงานระบุว่า จากที่มีการลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน มีผู้เข้าลงทะเบียนเต็ม 1 ล้านคนทุกวัน หมายความว่าจะครบจำนวน 10 ล้านคน ในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ แต่มีผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านวันละเฉลี่ยประมาณ 2 แสนคน เนื่องจากใส่ข้อมูลไม่ถูกต้องในส่วนต่าง ๆ ทำให้เบื้องต้นจะมียอดตีกลับมาเพื่อให้ลงทะเบียนต่ออีกราว 2 ล้านคน ดังนั้นจึงจะมีการเปิดลงทะเบียนต่อจากวันที่ 2 ตุลาคมนี้ จนกว่าจะครบ 10 ล้านราย จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนแล้วสามารถนำเงิน 1,000 บาทไปใช้ในจังหวัดที่เลือกไว้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562
จากยอดใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 27-29 ก.ย. รวม 3 วัน มียอดการใช้จ่ายประมาณ 294 ล้านบาท จากผู้ใช้สิทธิ 370,523 ราย พบว่ากว่าร้อยละ 50 หรือประมาณ 148 ล้านบาท เป็นการใช้จ่ายกลุ่ม “ช้อป” ซึ่งเป็นร้านกลุ่ม OTOP ร้านวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐ รองลงมาคือ “ชิม” หรือร้านอาหารและเครื่องดื่มที่มียอดใช้จ่ายประมาณ 60 ล้านบาท สำหรับ “ใช้” เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ เป็นต้น มียอดใช้จ่ายประมาณ 7 ล้านบาท สำหรับร้านค้าทั่วไปรวมถึงห้างสรรพสินค้าที่อยู่ในหมวดช้อปพบว่ามียอดใช้จ่ายประมาณ 79 ล้านบาท ส่วนการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่จะได้รับเงินคืนร้อยละ 15 มีการใช้จ่ายแล้ว 5 ล้านบาท และยืนยันว่าไม่ได้เอื้อผู้ประกอบการรายใหญ่ เมื่อเริ่มใช้จ่ายจะเห็นว่าเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจริงในพื้นที่ เป็นร้านขนาดเล็กที่ได้อานิสงส์ ข้อมูลถึงวันที่ 1 ต.ค. มีผู้เริ่มใช้สิทธิเพิ่มขึ้นเป็น 500,000 ราย ยอดใช้จ่ายราว 440 ล้านบาท กรณีรัฐบาลมีนโยบายจะออกมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 2 ต่อ นายลวรณ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องระดับนโยบาย ยังไม่ได้รับคำสั่งให้ดำเนินการ ขณะนี้ขอผลักดันชิมช้อปใช้ 10 ล้านคนให้เรียบร้อยก่อน
รมว.คลัง ประเมินผลก่อนออกเฟส 2
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขอเวลาประเมินผลเฟสแรกก่อน คาดว่าได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ว่าจะมีมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 2 หรือไม่ จะต้องนำปัจจัยด้านภาวะเศรษฐกิจโดยรวมมาพิจารณาประกอบด้วย สำหรับเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 3 ตามคาดการณ์ไว้หรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันพบว่าภาคการส่งออก ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของประเทศได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมาก รัฐบาลจึงประคับประคองเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งมาตรการชิมช้อปใช้เป็นเพียงมาตรการหนึ่งเท่านั้น ยอมรับว่าไม่ใช่มาตรการที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด หลังจากนี้อาจจะมีมาตรการอื่น ๆ ตามมาต้องขอหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก่อนด้วย
รัฐบาล หวังมาตรการ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย กระตุ้นศก.ปลายปี
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบกลาง 116 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในโครงการ "ถึงเวลาทัวร์ ให้ทั่วไทย" ในช่วงเดือนก.ย.-ธ.ค. 2562 โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน กระตุ้นการเดินทางและใช้จ่ายให้เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่และทุกภาคส่วนธุรกิจให้มากที่สุด รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมได้เพิ่มศักยภาพ ยกระดับการบริหารธุรกิจ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและขับเคลื่อนการเพิ่มรายได้ของประเทศ ทั้งนี้ ประกอบไปด้วย 2 มาตรการ 1. มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว “ร้อยเดียว เที่ยวทั่วไทย”โดยร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ที่พัก สายการบิน สปา แหล่งท่องเที่ยว และ สมาคมต่าง ๆ เพื่อซื้อแพ็คเกจในราคาพิเศษ เพื่อมานำเสนอขายในราคา 100 บาท จำนวน 10,000 รายการ/ต่อรอบการจัดกิจกรรม รวมทั้งหมด 40,000 รายการ โดยการลงทะเบียนเพื่อร่วมซื้อแพ็คเกจทาง official line ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย( ททท.) เพื่อรับสิทธิ์ใน link สู่หน้าการซื้อ package โดยจะสามารถซื้อได้คนละ 1 รายการเท่านั้น โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมาย Gen X Gen Y และกลุ่มผู้มีกำลังการใช้จ่ายในระดับปานกลาง ค่าใช้จ่ายจำนวนเงินทั้งสิ้น 63,500,000 บาท
มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว “เที่ยววันธรรมดา ราคา SHOCK โลก” ผ่านการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรกลุ่มที่ให้บริการสินค้าทางการท่องเที่ยวกลุ่มหรูหรา (Luxury) ได้แก่ โรงแรมที่พัก บริษัทนำเที่ยว สายการบิน แบรนด์สินค้าชั้นนำ ศูนย์การค้า สปา โรงพยาบาล ร้านอาหาร ร้านจิลเวลรี่ สวนสนุกและบริการต่าง ๆ โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในราคาพิเศษสุด (Sales Promotion) ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์และโปรแกรมบริการพิเศษต่าง ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา ผ่านจัดทำ Mini Site เว็บไซต์ และ Mobile Platform และกลไกการกระตุ้นการตลาดผ่าน Online Campaign การประชาสัมพันธ์โครงการให้ทั่วถึง ค่าใช้จ่ายจำนวนเงินทั้งสิ้น 52,500,000 บาท มีการพยุงเศรษฐกิจปลายปีให้ดีขึ้น สอดคล้องกับศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ออกมาคาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยหนุน GDP ให้เติบโตเพิ่มขึ้นได้ประมาณร้อยละ 0.02
ครอบครัวลัลลาเบล รอฟังผลชันสูตร
คดีการเสียชีวิตของ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ"ลัลลาเบล" พริตตี้สาวที่เสียชีวิต ในคอนโด ย่านตลาดพลู พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 เปิดเผยว่า ตำรวจประสานไปที่แพทย์นิติเวช ของโรงพยาบาลจุฬาฯ นัดหมายให้ชี้แจงถึงขั้นตอนรายละเอียด รวมถึงผลการชันสูตรขั้นสูง โดยในเวลา 14.00 น.ญาติจะเดินทางไปพบแพทย์เพื่อฟังคำชี้แจง ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ผู้ควบคุมงานสืบสวน และ พ.ต.อ.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ผู้ควบคุมงานสอบสวน เดินทางไปพบแพทย์เพื่อนัดหมายสอบปากคำแพทย์ผู้ผ่าชันสูตรด้วย ส่วนผลชันสูตรขั้นสูงนั้นยังไม่ออก ต้องรอผลตรวจ และสอบปากคำแพทย์ อย่างเป็นทางการนำมาประกอบสำนวนคดีต่อไป
แฟ้มภาพ