ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2562

02 ตุลาคม 2562, 05:39น.


อังกฤษ เตือนสถานการณ์ในฮ่องกงร้อนระอุขึ้น



          เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงหลายพื้นที่ในฮ่องกงเมื่อวานนี้ที่เป็นวันชาติของจีน เกิดเหตุรุนแรงขึ้นหลายจุดโดยเฉพาะจุดสำคัญในย่านเชิงหว่าน มีการเผยแพร่ภาพจากวิดีโอสามารถจับภาพในนาทีที่ตำรวจนายหนึ่งยิงปืนใส่ผู้ประท้วงชุดดำจนทำให้ชายหนุ่มคนดังกล่าวเซถลาล้มลงทันที ตำรวจ ยืนยันว่าได้แจ้งเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วและเป็นการทำเพื่อป้องกันตนเองและป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ  นายโดมินิค ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ระบุในถ้อยแถลงวิจารณ์ยุทธวิธีของตำรวจฮ่องกงในการรับมือกับผู้ประท้วงฝักใฝ่ประชาธิปไตย พร้อมเตือนว่าการใช้กระสุนจริงจะทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดที่ยืดเยื้อมานานร้อนระอุยิ่งขึ้น การชุมนุมประท้วงในจุดต่างๆ กลุ่มผู้ประท้วงตั้งเครื่องกีดขวางตามย่านการค้า จุดไฟเผาทำลายสิ่งของ และปะทะอย่างดุเดือดกับเจ้าหน้าที่ปราบจลาจล ด้วยวิธีการทั้งการขว้างปาระเบิดเพลิง ก้อนอิฐ และสารเคมี ตลอดจนการทำลายกระจกร้านค้าหลายแห่ง ด้านเจ้าหน้าที่ตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาหลายระลอก ฉีดน้ำแรงดันสูงผสมสี และการใช้กระบองเพื่อไล่จับผู้ประท้วงได้หลายสิบคน มีรายงานผู้ชุมนุมประท้วงบาดเจ็บมากกว่า 50 คน



ระทึกขวัญ!ชายใช้น้ำมันราดตัวเอง ด้านนอกอาคารรัฐสภาอังกฤษ



          เกิดเหตุน่าตกใจด้านนอกอาคารรัฐสภาของอังกฤษ เมื่อชายคนหนึ่งท่าทางมีพิรุธ ใช้น้ำมันเบนซินราดตัวเอง ในมือถือไฟแช็ก แต่ยังไม่ได้จุดไฟ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล กรุงลอนดอน อังกฤษ ที่ดูแลความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบรัฐสภารีบเข้าไประงับเหตุ ด้วยการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงฉีดพ่นไปที่ชายคนดังกล่าวและรีบนำตัวชายคนนี้ที่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดส่งไปที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจสอบสภาพอาการทางจิต โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ พื้นที่บริเวณรัฐสภา เป็นอีกหนึ่งจุดที่มีการชุมนุมทั้งของฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านการถอนตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)หรือการทำเบร็กซิต นับตั้งแต่มีการลงประชามติ เมื่อเดือนมิถุนายน 2559



คนร้าย บุกเข้าไปในวิทยาลัยอาชีวะในฟินแลนด์ไล่ฟันคน



         คนร้ายใช้มีดดาบเป็นอาวุธบุกเข้าไปทำร้ายนักศึกษาในชั้นเรียนของวิทยาลัยอาชีวะซาโว ซึ่งตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าเฮอร์มาน ในเมืองควาปิโอ ทางภาคตะวันออกของฟินแลนด์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ  และมีคนบาดเจ็บ 10 คน รวมถึงคนร้ายด้วย และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 คน ตำรวจรีบเข้าไปควบคุมสถานการณ์ อยู่ระหว่างการตรวจสอบยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดหรือสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง รูซา ค็อกโคเนน พนักงานที่ทำงานในอู่รถยนต์ที่อยู่ตรงข้ามกับวิทยาลัย เล่าเหตุการณ์ให้สถานีเอ็มทีวีของฟินแลนด์ฟังว่า ในช่วงเกิดเหตุเห็นครูคนหนึ่งวิ่งหนีออกจากอาคารในสภาพเลือดไหลออกจากมือ ระหว่างที่เธอเข้าไปช่วยครูคนนี้ ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ นักศึกษาหลายคนพากันวิ่งหนีเข้ามาในอู่ของเธอ นายกรัฐมนตรีอันติ รินเน ทวีตข้อความว่าเป็นการโจมตีที่น่าตกใจและสมควรประณามอย่างที่สุด ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ฟินแลนด์ เคยเกิดเหตุรุนแรงในโรงเรียน ทำให้มีคนเสียชีวิตมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อปี 2550 เกิดเหตุนักเรียนคนหนึ่งยิงคนเสียชีวิต 8 ศพในโรงเรียนมัธยมปลายโจเคลา ก่อนที่เขาจะยิงตัวตาย และเมื่อปี 2551 นักศึกษาวัย 22 ปีของวิทยาลัยอาชีวศึกษาเคาฮาโจกี ยิงคนเสียชีวิต 10 ศพ จากนั้นฆ่าตัวตายเช่นกัน



สิงคโปร์ เริ่มบังคับใช้กฎหมายต่อต้านข่าวปลอม



          วันนี้เป็นวันแรกที่สิงคโปร์ เริ่มบังคับใช้กฎหมายต่อต้านข่าวปลอม หลังจากที่เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและได้รับความเห็นชอบ กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้สื่อออนไลน์ เฟสบุ๊กและทวิตเตอร์ แก้ไขหรือลบเนื้อหาที่รัฐบาลเห็นว่าไม่เป็นความจริง บุคคลใดที่ตั้งใจเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จในเว็บไซต์และสร้างความเสียหายกับผลประโยชน์ของประชาชนจะถูกจำคุกไม่เกิน 10 ปี ส่วนสื่อที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะถูกปรับไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ ประมาณ 22 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชน เตือนว่า กฎหมายฉบับนี้อาจจะปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ขณะที่กลุ่มนักการเมืองฝ่ายค้าน ระบุว่าเป็นการให้อำนาจรัฐบาลมากเกินไปและรัฐบาลจะนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ก่อนที่สิงคโปร์เตรียมจัดการเลือกตั้งทั่วไป 



อินโดฯ ยกเลิกแผนการปิดเกาะมังกรโคโมโด



          หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลอินโดนีเซีย ประกาศว่าจะปิดอุทยานแห่งชาติโคโมโด ตั้งแต่ต้นปี 2020 เป็นต้นไป เนื่องจาก เป็นห่วงว่าการที่มีนักท่องเที่ยวมากเกินไปจะส่งผลกระทบกับมังกรโคโมโด ในตระกูลกิ้งก่าสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดพันธุ์หนึ่งของโลก แต่การปิดเกาะดังกล่าวทำให้เกิดกระแสความกังวลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอาจจะต้องย้ายคนที่อาศัยอยู่บนเกาะจำนวนมากไปยังพื้นที่อื่น ล่าสุด นางซิติ นูร์บายา รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอินโดนีเซีย กล่าวว่า จะไม่มีการปิดอุทยานแห่งชาติโคโมโด แต่จะทำให้เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก ผู้บริหารท้องถิ่น เสนอให้เก็บเงินนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาที่เกาะแห่งนี้เพื่อดูมังกรโคโมโดคนละ 500 ดอลลาร์ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เนื่องจากเดิมเก็บค่าเข้าอุทยานเพียง 10 ดอลลาร์เท่านั้น และจะใช้ระบบโควต้าควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว ขณะที่โฆษกกระทรวงท่องเที่ยว กล่าวว่า รัฐบาลจะเปลี่ยนเกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ



CR:Reuters



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X