*ทันสถานการณ์โลกเวลา06.30น.*

+++ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ของพม่า เปิดการประชุมผู้บริหารระดับสูงขององค์กรภาคธุรกิจและการลงทุนของอาเซียนประจำปี 2557 (Asean Business and Investment Summit: ABIS) ที่จัดขึ้น ณ กรุงเนปิดอว์ ระหว่างวันที่ 11 - 13 พ.ย. นี้ ระบุว่า อาเซียนมีศักยภาพเพียงพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกภายในปี 2593 ปัจจุบัน ประเทศในภูมิภาคอาเซียนมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) รวมกัน 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 82.1 ล้านล้านบาท)  ขณะที่การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) อย่างเป็นทางการจะเริ่มในอีก 1 ปีข้างหน้า คาดว่าความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ซึ่งเป็นแผนการดำเนินการเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) จะช่วยส่งเสริมความร่วมทั้งในระดับภูมิภาคอาเซียน และประเทศอื่นนอกภูมิภาคด้วย พล.อ.เต็ง เส่ง กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมากลุ่มประชาคมอาเซียนจะต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมรสุมทางเศรษฐกิจ หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ก็สามารถผ่านพ้นมาได้ด้วยดี

+++ผู้นำของชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 25 ที่กรุงเนย์ปิดอว์ของพม่า ซึ่งทั้ง 10 ชาติสมาชิกได้เจรจาหารือเรื่องความท้าทายที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ ได้แก่ ภัยจากกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ไวรัสอีโบลาและข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนและหลายชาติสมาชิกอาเซียน  นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมมีวาระที่จะหารือถึงขั้นตอนในการเตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีหน้า พร้อมถึงวิสัยทัศน์และการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสถาบันอาเซียนภายหลังจากปี 2015  ประธานาธิบดี เต็งเส่ง ของพม่า ยังได้ใช้โอกาสนี้ในการต้อนรับ 2 ผู้นำใหม่ของอาเซียน ซึ่งหมายถึงประธานาธิบดี โจโกวิโดโด แห่งอินโดนีเซีย และนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ของไทยอีกด้วย

+++นอกจากผู้นำของ 10 ชาติอาเซียนแล้ว ยังมีผู้นำเข้าร่วมการประชุมอีกรวม 18 คน เช่น ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรี ดิมิทรี เมดเวเดฟของรัสเซีย และบันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน, นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี้ แห่งอินเดีย และนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับพม่า ประธานาธิบดีโอบามา บินตรงจากกรุงปักกิ่ง ของจีน ถึงกรุงเนปิดอว์ เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดกับชาติสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจานับเป็นการเยือนพม่าครั้งที่ 2 นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ การส่งเรือจู่โจมยกพลขึ้นบกเข้าทะเลเบงกอล ประสานสอดคล้องกับ รายงานอีกชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า สหรัฐฯใช้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมากกว่า 400 นาย อารักขาประธานาธิบดีโอบามา ระหว่างไปเยือนนครย่างกุ้งในวันศุกร์ที่ 14 พ.ย.นี้ ตำรวจพม่ายังได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกกว่า 1,000 นาย ประจำตามเส้นทางต่างๆ ที่ผู้นำสหรัฐฯ จะเดินทางผ่าน

       

+++การเดินทางมาครั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะพบหารือกับนายเต็ง เส่ง และนางอองซาน ซู จี เพื่อย้ำว่าสหรัฐฯสนับสนุนการเลือกตั้งในพม่า ซึ่งจะมีขึ้นในปีหน้า โดยขอให้พม่ารักษาคำมั่นที่จะจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย แต่พม่าในวันนี้ยังคงเต็มไปด้วยปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน นักข่าวไม่มีเสรีภาพแถมยังถูกจับกุมและสังหาร ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิมโรฮิงญาก็ก่อให้เกิดคลื่นผู้อพยพนับแสนหลั่งไหลออกนอกประเทศและกลายเป็นคนพลัดถิ่น อีกทั้งการสู้รบของชนกลุ่มน้อยในประเทศก็ยังคงอยู่

+++สื่อในญี่ปุ่น รายงานว่า นายกรัฐมนตรีอาเบะ ของญี่ปุ่น อาจประกาศการเลือกตั้งก่อนกำหนดในเดือนหน้า ซึ่งเร็วกว่ากำหนด 2 ปี โดยมีแผนสร้างคะแนนเพิ่มด้วยการชะลอการขึ้นภาษีผู้บริโภค รอบสอง จากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 10 เพื่อจะได้ความนิยมเพิ่มขึ้นและลดกระแสความไม่พอใจภายในพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี)  หนังสือพิมพ์นิกเกอิ รายงานว่า นายกรัฐมนตรีอาเบะจะประกาศจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าภายในปีนี้  ซึ่งพรรคแอลดีพีและพรรคโคเมโตะ พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มเตรียมการสำหรับลงมติวันเลือกตั้งว่าอาจเป็นวันที่ 14 หรือ 21 ธ.ค. นายอาเบะ ยังบ่ายเบี่ยงที่จะกล่าวต่อสาธารณะ โดยบอกกับผู้สื่อข่าวระหว่างร่วมการประชุมที่กรุงปักกิ่ง ที่จีน ว่า ยังไม่ตัดสินใจ

+++กัมพูชา ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสำหรับคนงานโรงงานสิ่งทออีกร้อยละ 28 และมีแนวโน้มว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะสร้างความไม่พอใจให้สหภาพแรงงานที่ต้องการให้ปรับขึ้นค่าแรงมากกว่านี้และเรียกร้องให้คนงานผละงานประท้วงระลอกใหม่ ก่อนหน้านี้สมาชิก 16 คนของคณะกรรมการที่ปรึกษาแรงงานของกระทรวงแรงงานกัมพูชามีมติให้รัฐบาลกัมพูชาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของคนงานโรงงานสิ่งทอจาก 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,300 บาท) เป็น 123 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,059 บาท) และภายหลังได้เพิ่มเป็น 128 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,224 บาท) โดยเริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปอย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงาน 2 แห่งกล่าวว่า พวกเขาไม่เห็นด้วยกับตัวเลขดังกล่าวและจะประชุมกับสมาชิกว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ก่อนหน้านี้สหภาพแรงงานผลักดันให้ทางการปรับขึ้นค่าแรงเป็น 140 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,620 บาท)

+++กลุ่มนักศึกษาฮ่องกง มีแผนยึดถนนที่อยู่รายล้อมสถานกงสุลอังกฤษในฮ่องกง  เพื่อประท้วงที่อังกฤษไม่ยอมสนับสนุนการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ผู้จัดการชุมนุมบอกว่าพวกเขาต้องการแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจต่ออังกฤษ ที่ไม่ยอมตอบโต้จีน กรณีไม่ทำตามข้อตกลงของสองประเทศก่อนที่อังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงให้แก่รัฐบาลจีนดูแลเมื่อปี2540 แอนนา-เคทชอย ผู้ประสานงานของกลุ่มออคคิวพายบริติช คอนซุเลต เปิดเผยว่าไม่พอใจที่รัฐบาลอังกฤษ ไม่ตอบโต้จีนที่ละเมิดคำประกาศว่าจะไม่แทรกแซงการเมืองของฮ่องกง ตำรวจฮ่องกง จะเริ่มเข้าเคลียร์พื้นที่ในอีก2-3 วันข้างหน้า พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายพันนายที่เตรียมเอาไว้แล้ว

+++เกิดเหตุคนร้ายเป็นผู้หญิงมือระเบิดพลีชีพ บุกเข้าไปก่อเหตุโจมตีภายในวิทยาลัยครูเมืองคอนตาโกรา รัฐเนเจอร์ ทางภาคตะวันตกของไนจีเรีย แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ศพ รวมถึงผู้ก่อเหตุ  ยังไม่มีกลุ่มใดออกประกาศแสดงความรับผิดชอบ คาดว่า น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มโบโก ฮาราม ที่มีฐานหลักอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เหตุเกิดขึ้นเพียง 2 วัน หลังจากคนร้ายมือระเบิดพลีชีพที่ต้องสงสัยว่าเป็นสามาชิกกลุ่มโบโก ฮาราม แต่งชุดนักเรียนแฝงตัวเข้าโจมตีในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ในเมืองโปติสคุม รัฐโยเบ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่เด็กนักเรียนกำลังเข้าแถวรับการอบรมประจำวันช่วงเช้าก่อนเข้าเรียน แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิต 58 ศพ บาดเจ็บ 117 คน

+++สถานีโทรทัศน์ของทางการอิหร่าน เผยแพร่ภาพวิดีโอ การสาธิตการบินของอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เพื่อการสอดแนม ที่ทางการอิหร่านระบุว่าเป็นการลอกเลียนแบบโดรน "อาร์คิว-170 เซนติเนล" ของสหรัฐฯ ที่อิหร่านยึดได้เมื่อเดือน ธ.ค. 2554 หลังบินรุกล้ำเข้ามาในเขตน่านฟ้าทางภาคตะวันออกจากประเทศอัฟกานิสถาน  ทีมงานวิศวกรของอิหร่าน ใช้วิธีถอดรหัสจากเครื่องต้นแบบที่ยึดได้ และสร้างลำใหม่ มีการพัฒนาปรับปรุงข้อด้อย ทำให้โดรนของอิหร่านนี้มีศักยภาพสูงกว่าของสหรัฐฯ  โดยมีน้ำหนักเบากว่า ใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่า สามารถบินด้วยระดับความเร็วที่มากกว่า อีกทั้งยังมีระยะการบินที่นานกว่าด้วย ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการหลบหลีกการถูกตรวจจับจากเรดาร์

+++สมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกัน (ซีเอเอฟ)ประกาศว่าได้ตัดสิทธิ์ โมร็อกโก จากการเข้าร่วมแข่งขันในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติแอฟริกัน หรือ แอฟริกัน เนชันส์ 2015 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17 ม.ค. - 8 ก.พ. หลังก่อนหน้านี้สหพันธ์ฟุตบอลโมร็อกโก ร้องขอให้ซีเอเอฟ เลื่อนการแข่งขันไปเป็นช่วงต้นปี 2016 แทน เพราะกังวลสถานการณ์เชื้อไวรัสอีโบลาที่ยังคงระบาดไปทั่วพื้นที่แอฟริกาตะวันตกจะระบาดเข้าสู่ประเทศ ขณะที่ ซีเอเอฟ ประชุมบอร์ด ที่เมืองไคโร ประเทศอียิปต์ ยืนยันยึดกำหนดการแข่งขันเดิม ทำให้โมร็อกโกถูกตัดออกจากการแข่งขันดังกล่าว ยังไม่มีความชัดเจนว่าชาติใดจะเข้ามารับหน้าที่เจ้าภาพในการแข่งขันแทน โดยประเทศที่อยู่ในข่ายจะได้รับสิทธิ์ เช่น แอลจีเรีย, แองโกลา, อียิปต์,ไนจีเรีย

       

+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดในกรอบแคบๆ โดยดาวโจนส์และเอสแอนด์พี500 ขยับลงในช่วงท้ายของการซื้อขายจากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มการเงิน หลังคณะกรรมการกำกับดูแลหลายแห่งของโลก สั่งปรับเงิน 5 ธนาคารยักษ์ใหญ่ โทษฐานพยายามปั่นตลาดอัตราแลกเปลี่ยน แต่แนสแดค ดีดขึ้นจากแอปเปิลและยาฮู ดาวโจนส์ ลดลง 2.70 จุด  ปิดที่ 17,612.20 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 1.43 จุด ปิดที่ 2,038.25 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 14.58 จุด  ปิดที่ 4,675.14 จุด 

+++ราคาน้ำมันกลับมาปิดลบอีกครั้ง นักลงทุนคาดเดาว่าที่ประชุมโอเปกในช่วงปลายเดือนคงไม่ลดกำลังผลิต สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 76 เซนต์ ปิดที่ 77.18 ดอลลาร์ ต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.29 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

+++ราคาทองคำ ปรับลดเล็กน้อย จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่นักลงทุนคาดหมายว่าตลาดจะเผชิญกับแรงกดดันให้เทขายเพิ่มเติมในช่วงอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,159.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์