คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เตือนค่าฝุ่นPM2.5 ปีนี้สูงขึ้น ทุกฝ่ายต้องจริงจังแก้ต้นเหตุที่ทำให้เกิดมลพิษ

          ปัญหาสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM 2.5)รุนแรงขึ้นอีกครั้ง วันนี้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นห่วง และคำนึงเรื่องสุขภาพความปลอดภัยของประชาชน จึงออกมาย้ำเตือน เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ช่วยกันรับมือ ป้องกัน แก้ไขสถานการณ์ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ เปิดเผยว่า ภัยของฝุ่น PM 2.5 ในอากาศ เกิดจากความกดอากาศสูง รวมถึงปัญหาสะสมที่ยังไม่สามารถแก้หรือควบคุมเรื่องแหล่งผลิตมลพิษได้ เช่น การจราจรหนาแน่น การก่อสร้าง อุตสาหกรรมต่างๆ ตลอดจนการเผาไหม้ ที่ไม่ได้รับการแก้ไขจริงจังทำให้เกิดมลพิษฝุ่นสะสม ขณะที่สถานการณ์ปีนี้ค่าฝุ่นสูงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น การแจ้งเตือนในปีนี้จึงต้องรวดเร็ว หากระดับการแจ้งเตือนของกรมควบคุมมลพิษสูงระดับสีส้ม คือคุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคภูมิแพ้ต่างๆ ไม่ควรออกไปที่โล่งแจ้ง แต่หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรสวมหน้ากาก N-95 หรือสวมหน้ากากอนามัยสองชั้น ในระยะสั้นๆแต่ป้องกันฝุ่นได้ในเวลาน้อยกว่าการสวมหน้ากาก N-95 ซึ่งเป็นการป้องกันได้ดีที่สุดในช่วงนี้

          ส่วนเรื่องการวัดค่า PM 2.5 ขณะนี้หลักการวัดมี 2 วิธี คือ วิธีมาตรฐานที่รัฐบาลทำด้วยกรมควบคุมมลพิษ ใช้วิธีการดักจับฝุ่น ผ่านแผ่นกรอง แล้วนำไปชั่งน้ำหนักโดยหักปริมาณไอน้ำออก ซึ่งผลออกมาเป็นหน่วยไมโครกรัม แต่วิธีการนี้ยังมีข้อจำกัดวัดได้แค่ 13 จุดหลักของ กทม.ซึ่งเป็นวิธีที่ยังไม่ครอบคลุม จึงนำมาสู่วิธีการวัดแบบที่ 2 ที่ทั้งประชาชน หน่วยงานเอกชน วัดกันเองได้ ด้วยเครื่องวัดแบบพกพาหรือแบบไม่ซับซ้อน ซึ่งได้ค่าสูงกว่าการวัดด้วยเครื่องมือมาตรฐานถึง 1.5 เท่า ขณะที่ สื่อต่างๆ เผยแพร่ว่า PM 2.5 สามารถทำลายชั้นผิวหนัง ทำลายคอลลาเจนในร่างกาย รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม ชี้แจงว่า ยังไม่มีการพิสูจน์ หรือวิจัยจากทางการแพทย์