ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น. วันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2562

01 ตุลาคม 2562, 07:15น.


ประชุมครม.วันนี้สรุปตัวเลขช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม



          ในวันนี้ (1 ต.ค.) มีการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยมีวาระสำคัญคือ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะนำเสนอรายงานสถานการณ์อุทกภัยที่ยังมีอยู่ในบางพื้นที่ของ 4 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ เนื่องจากวันนี้ เป็นวันสุดท้ายของปีงบประมาณ 2562 จึงมีการเร่งรัดการทำงานเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเฉพาะการจ่ายเงินครัวเรือนละ 5,000 บาท



          น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบและอนุมัติ เพื่อนำไปสู่การลงนามในสัญญาร่วมทุนระหว่าง กนอ.กับกลุ่มกิจการร่วมค้ากัลฟ์ และพีทีที แทงค์ (บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด) ในโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะในการพัฒนาแล้วเสร็จและเปิดให้บริการนักลงทุนได้เป็นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2568



          โดยกิจกรรมประชาสัมพันธ์ที่น่าสนใจในวันนี้ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำคณะผู้บริหาร เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อแสดงผลงานวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup)โดยอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ



          นาย James McCormack กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายประเมินความเสี่ยงความน่าเชื่อถือระดับประเทศและระหว่างประเทศ บริษัท Fitch Rating เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี



ชาวสวนปาล์มรับเงินประกันรายได้งวดแรกวันนี้



          ในวันนี้ชาวสวนปาล์มจะได้รับเงินประกันรายได้งวดแรก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ารัฐบาลมีนโยบายสำคัญเร่งด่วนในการประกันรายได้เกษตรกร 5 ประเภท ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด โดยสินค้าเกษตร 2 ประเภทที่คณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบแล้วคือ ข้าว และปาล์มน้ำมัน ส่วนยางพาราจะมีการประชุมเพื่อออกมาตรการในเร็วๆนี้



          สำหรับเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่จะได้รับเงินคือผู้ที่ขึ้นทะเบียน หรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ก่อนจะเปิดบัญชีกับ ธ.ก.ส. เพื่อรอรับเงินส่วนต่าง ภายใน 3 วันทำการ จากราคาประกันกิโลกรัมละ 4 บาท ในคุณภาพน้ำมัน 18% ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ ซึ่งจะมีการกำหนดราคาอ้างอิงทุก ๆ 45 วัน โดยงวดแรกกำหนดราคาอ้างอิงย้อนหลัง 45 วัน เฉลี่ย 2.68 บาท/กิโลกรัม ทำให้เกษตรกรจะได้ส่วนต่างกิโลกรัมละ 1.32 บาท เช่น จำนวนสูงสุด 25 ไร่ ปริมาณผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 363 กิโลกรัม เกษตรกรจะได้ส่วนต่างประมาณ 11,987 บาท



          ในวันที่ 15 ตุลาคม เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิดจะได้รับเงินประกันรายได้งวดแรก ผู้ที่จะได้รับเงินต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2562/2563 ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ 16 มิถุนายน 2562 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งจะประกาศราคาอ้างอิงทุกๆ 15 วัน จนถึงวันสิ้นสุดโครงการประกันรายได้ คือ วันที่ 31 ตุลาคม 2563 ซึ่งราคาอ้างอิงงวดแรกจะต้องใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 15 วัน ก่อนจ่ายเงินส่วนต่างงวดแรก



ชิมช้อปใช้จ่ายแล้ว 294 ล้านบาท



          นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ช่วง 8 วันแรก มีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิมาตรการชิมช้อปใช้เต็มตามโควต้า 1 ล้านราย ทุกวันรวม 8 ล้านราย จากยอดกำหนดไว้ 10 ล้านราย และพบว่ามีผู้ที่ไม่สำเร็จตามเงื่อนไขลงทะเบียนวันละประมาณ 2 แสนราย กระทรวงการคลังจึงจะนำโควต้าที่เหลือมาเปิดให้ลงทะเบียนจนครบ 10 ล้านราย ผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จระบบจะใช้เวลาตรวจสอบ 3 วันทำการ และเมื่อได้รับเอสเอ็มเอส (SMS) แจ้งสิทธิและยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชั่นเป๋าตังแล้วจะสามารถใช้สิทธิได้ในวันถัดไป ซึ่งการยืนยันตัวตนก็เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้อื่นใช้สิทธิของท่าน หากสแกนใบหน้า 3 ครั้งแล้วยังไม่สามารถใช้งานได้ สามารถไปยืนยันตัวตนที่สาขาของธนาคารกรุงไทย และขอให้เปิดโลเคชั่นในการใช้งานแอพพลิเคชั่นถุงเงิน และเป๋าตังทุกครั้ง เพื่อยืนยันว่ามีการไปใช้สิทธิในจังหวัดที่เลือกจริง



          สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 23-26 กันยายน 2562 มีผู้ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ 3 ล้าน 1 แสน 1 หมื่นราย โหลดแอพพลิเคชั่นเป๋าตังแล้ว 2 ล้าน 5 แสนราย สามารถลงทะเบียนใช้แอพพลิเคชั่นสำเร็จ 1 ล้าน 9 แสนราย หรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 60 ของผู้ที่ได้รับสิทธิ



          ส่วนการใช้จ่ายระหว่างวันที่ 27-29 กันยายน 2562 รวม 3 วัน มีผู้ใช้สิทธิแล้ว 3 แสน 7 หมื่นราย มียอดการใช้จ่ายประมาณ 294 ล้านบาท จากยอดเงินพร้อมใช้จ่าย 1,900 ล้านบาท โดยมียอดการใช้จ่ายเพิ่มในกระเป๋าที่ 2 เพื่อรับสิทธิคืนเงินร้อยละ 15 ไปแล้ว 5 ล้านบาท



...

ข่าวทั้งหมด

X