กรมชลฯ เผย 3 ต.ค.น้ำท่วมอุบลฯเข้าสู่ภาวะปกติ
สถานการณ์อุทกภัยเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 24 จังหวัดแล้ว นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงระดับน้ำท่วมที่จังหวัดอุบลราชธานีว่าวันนี้จะติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติมบริเวณสะพานอเล็กซานเดอร์ ถนนเลี่ยงเมือง อำเภอเมืองอีก 40 เครื่อง จะทำให้ระดับน้ำเท่ากับระดับตลิ่งแม่น้ำมูล ในวันที่ 3 ต.ค.นี้ ส่วนที่จังหวัดร้อยเอ็ด โครงการชลประทานร้อยเอ็ด ติดตั้งเครื่องสูบน้ำรวม 50 เครื่องและเครื่องผลักดันน้ำ 18 เครื่อง ปัจจุบันหยุดการเดินเครื่องสูบน้ำบางจุดเพื่อชะลอน้ำช่วยพื้นที่น้ำท่วมแม่น้ำชีตอนล่าง รวมทั้งชะลอน้ำชีที่จะไหลไปสมทบกับแม่น้ำมูลที่อุบลราชธานี ที่จังหวัดยโสธร น้ำในแม่น้ำชีที่เขื่อนธาตุน้อยระดับน้ำยังสูงกว่าตลิ่ง 1.50 เมตร คาดว่า จะลดลงที่ระดับเก็บกักภายในสัปดาห์หน้า
ผู้ว่าฯธปท.ยืนยันเศรษฐกิจไทยไม่ได้เข้าสู่ภาวะวิกฤติ
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ลงเหลือร้อยละ 2.8 สาเหตุสำคัญเป็นผลมาจากปริมาณการค้าโลกที่ชะลอลงจากการกีดกันทางการค้าที่ทวีความรุนแรง ทำให้อุปสงค์ในประเทศทั้งรายได้และการจ้างงานปรับลดลง นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน ชะลอตัวตามไปด้วย พร้อมยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจจะเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ แต่ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจไทยกำลังจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติ เพราะเศรษฐกิจมีวัฎจักรขึ้นลงและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ปัจจัยจากต่างประเทศถือว่าเป็นส่วนสำคัญ ขณะที่มาตรการชิมช้อปใช้ ยังต้องรอประเมินอีกครั้ง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ส่วนแนวทางยกเลิกโปรโมชั่นผ่อนดอกเบี้ยร้อยละ 0 ของธนาคารพาณิชย์ นายวิรไท กล่าวว่า เกิดจากความร่วมมือระหว่างธนาคารสมาชิกสมาคมธนาคารไทย ในการปล่อยสินเชื่อแบบรับผิดชอบ แม้ ธปท.จะไม่ได้ออกนโยบายเพื่อควบคุม แต่ภาคธนาคารต้องถามตัวเองว่าวิธีการทำธุรกิจสร้างผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ให้สังคมหรือไม่ ยืนยันบางโปรโมชั่นที่คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0 อาจจำเป็นต่อประชาชนและไม่ใช่เรื่องที่ผิด เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือใช้ในการซื้อที่เกี่ยวกับอาชีพ สถาบันการเงินบางแห่ง มุ่งไปทำตลาดรุกคนที่มีเงินเดือนครั้งแรก เสนอให้บัตรเครดิต และมีการแข่งขันกันให้เกิดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยอาจไปซ้ำเติมหนี้ครัวเรือนในระยะยาว และอาจส่งผลเสียกลับมาที่สถาบันการเงินในอนาคตได้
โครงการชิมช้อปใช้ 3วันแรก ใช้จ่ายแล้วเกือบ300ล้าน
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วง 8 วันแรก มีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ “ชิมช้อปใช้”เต็มตามโควต้า 1 ล้านรายทุกวัน โดยระบบจะใช้เวลาตรวจสอบ 3 วันทำการ และเมื่อได้รับ SMS แจ้งสิทธิ์และยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน“เป๋าตัง”แล้วจะสามารถใช้สิทธิ์ได้ในวันถัดไป ซึ่งการยืนยันตัวตนนั้นเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้ให้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้อื่นใช้สิทธิ์ของท่าน หากสแกนใบหน้า 3 ครั้งแล้วยังไม่สามารถใช้งานได้ สามารถไปยืนยันตัวตนที่สาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้การใช้งานแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” และ “เป๋าตัง” ขอให้เปิด location ทุกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันว่ามีการไปใช้สิทธิ์ในจังหวัดที่เลือกจริง สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 23-26 ก.ย.2562มีผู้ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ 3,115,449 ราย และเริ่มใช้จ่ายวันแรกวันที่ 27-29 ก.ย.2562 รวม 3 วัน มีผู้เริ่มไปใช้สิทธิ์แล้ว 370,523 ราย มียอดการใช้จ่ายประมาณ 294 ล้านบาท เมื่อพิจารณาในรายละเอียดการใช้จ่าย พบว่า กว่าร้อยละ 50 ของการใช้จ่าย หรือประมาณ 148 ล้านบาท เป็นการใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป”ซึ่งเป็นร้านในกลุ่มOTOP ร้านวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐ รองลงมาคือ ร้าน“ชิม”หรือร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่มียอดใช้จ่ายประมาณ 60 ล้านบาท ขณะที่ร้าน“ใช้” เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ มียอดใช้จ่ายประมาณ 7 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศ กดดันหุ้นไทย-ต่างประเทศ ลดลง
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดที่ระดับ 1,637.22 จุด ลดลง 6.54 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,661.16 ล้านบาท น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกที่ชัดเจน มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่พอจะมาช่วยหนุนตลาดได้บ้าง แต่ปัจจัยนอกประเทศยังไม่มีความแน่นอนหลายประเด็น เรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน เรื่องคณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯได้เผยแพร่รายงานของผู้แจ้งเบาะแสรายหนึ่งกล่าวโทษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯกรณีติดต่อรัฐบาลต่างชาติ เพื่อให้แทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ รวมถึงข่าวสหรัฐฯเตรียมจำกัดการลงทุนในจีน และปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้ตลาดได้รับผลกระทบด้วย พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ฮ่องกงวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันชาติจีน ปัจจัยดังกล่าวมีผลทำให้ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในวันนี้ ร่วงลง 123.06 จุด ปิดที่ 21,755.84 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.
อธิบดีดีเอสไอ เตรียมแถลงคืบหน้าคดีฆาตกรรมบิลลี่ 7 ต.ค.
คดีฆาตกรรมนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง ที่ถูกคนร้ายอุ้มฆ่ายัดศพใส่ถังน้ำมันจุดไฟเผาอำพรางคดี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า มีคนในพื้นที่แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับคดีเข้ามาเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนดีเอสไอที่อยู่ในพื้นที่ก็กำลังสอบสวนอยู่ด้วยเช่นกัน พนักงานสอบสวนทุกคนพยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้คดีมีความชัดเจน ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปแล้วร้อยละ75 โดยจะแถลงความคืบหน้าคดีอีกครั้งในวันที่ 7 ต.ค. และในวันนี้ได้พูดคุยกับ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของนายบิลลี่ แม่ของบิลลี่ และทนายความของครอบครัวบิลลี่ เดินทางมารับมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญาจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จากการเสียชีวิตของนายบิลลี่ รวมทั้งสิ้น 140,000 บาท อธิบดีดีเอสไอได้สอบถามความเป็นอยู่ของครอบครัว รวมทั้งให้ความมั่นใจในการคลี่คลายคดีและการดูแลความปลอดภัยให้ครอบครัวด้วย
ผู้นำทั่วโลก ร่วมไว้อาลัยการถึงแก่อสัญกรรมอดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศส
หลังจากอดีตประธานาธิบดีฌากส์ ชีรักของฝรั่งเศสถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 26 กันยายน ในวัย 86 ปี วันนี้ รัฐบาลฝรั่งเศส จัดพิธีไว้ทุกข์ทั่วประเทศ 3 วัน สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานอ้างทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสว่า ผู้นำรัฐบาล 30 คนจากทั่วโลก รวมทั้ง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย,นายกรัฐมนตรีวิคเตอร์ ออร์บาน ของฮังการี,ประธานาธิบดีแฟรงก์-วอลเตอร์ ชไตน์ไมเออร์ของเยอรมนี จะเดินทางเข้าร่วมพิธีศพอดีตประธานาธิบดีชีรัก ที่โบสถ์แห่งหนึ่งในกรุงปารีส นอกจากนี้ อดีตประธานาธิบดีแกร์ฮาร์ท ชโรเดอร์ของเยอรมนี อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตันของสหรัฐฯ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป จะไปร่วมพิธีศพเช่นกัน ผู้นำรัฐบาลจากทั่วโลกได้ส่งสาส์นไปร่วมแสดงความเสียใจกับรัฐบาลฝรั่งเศสและครอบครัวของอดีตประธานาธิบดีชีรัก หนึ่งในอดีตผู้นำฝรั่งเศสที่มีผลงานโดดเด่นมากคนหนึ่งระหว่างการบริหารประเทศรวม 12 ปีระหว่าง 2538-2550 โดยเฉพาะผลงานที่ชาวฝรั่งเศสและคนทั่วโลกชื่นชมมากที่สุดคือการที่อดีตประธานาธิบดีชีรัก คัดค้านปฏิบัติการบุกอิรักของสหรัฐฯเมื่อปี 2546