กลุ่มนักศึกษาอินโดนีเซียร่วมการชุมนุมประท้วงในหลายเมืองต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ (23 ก.ย.) เพื่อคัดค้านกฎหมายฉบับใหม่ เป็นการชุมนุมใหญ่ที่สุดนับจากการชุมนุมขับไล่นายซูฮาร์โตลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2541 อย่างไรก็ตามการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษามีการทำลายทรัพย์สินสาธารณะ และมีการใช้ระเบิดเพลิงในบางพื้นที่ ตำรวจเปิดเผยว่า มีนักศึกษาเสียชีวิต 12 คนบาดเจ็บมากกว่า 300 คนและมีผู้ถูกจับกุมอีกประมาณ 500 คน ขณะที่ตำรวจบาดเจ็บ 35 นาย โดยนักศึกษาที่เสียชีวิต เป็นผู้เข้าร่วมการชุมนุมที่เมืองเคนดารี บนเกาะสุลาเวสี ที่มีการวางเพลิงอาคารสภาท้องถิ่น ส่วนที่เมืองปาดัง บนเกาะสุมาตรา เมื่อวานนี้ ผู้ประท้วงบุกรุกเข้าไปทำลายข้าวของในห้องประชุมสภาท้องถิ่น และที่เมืองปาลู บนเกาะสุลาเวสี มีเหตุปะทะกับตำรวจปราบจลาจล และจุดไฟเผายางรถยนต์ ตำรวจยืนยันว่าในการสลายการชุมนุม เจ้าหน้าที่ใช้ไม้ แก๊สน้ำตา และน้ำแรงดันสูง ไม่ได้ใช้อาวุธอื่น ทั้งปล่อยตัวนักศึกษาส่วนใหญ่ออกมาแล้ว เว้นแต่ผู้ที่มีอาวุธ
เมื่อวันศุกร์ (20 ก.ย.) ของสัปดาห์ก่อน ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ประกาศให้รัฐสภาเลื่อนการลงมติกฎหมายฉบับใหม่ที่จะนำมาใช้แทนกฎหมายที่ใช้มาตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ หลังจากที่กฎหมายฉบับนี้ถูกคัดค้านอย่างหนัก เนื่องจากมีการลดอำนาจขององค์กรต่อต้านการทุจริต ซึ่งมีผลงานการจับกุมดำเนินคดีนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีพฤติกรรมทุจริตหลายร้อยคน นับตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรในปี 2545 นอกจากนี้กฎหมายฉบับใหม่ยังมีบทลงโทษการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส การหมิ่นประมาทประธานาธิบดี การทำแท้งโดยไม่มีเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์หรือกรณีถูกข่มขืน และมีโทษจำคุกการใช้เวทมนตร์คาถาด้วย ซึ่งทำให้กลุ่มนักศึกษาต้องการให้ยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ ทั้งต้องการให้ถอนทหารออกจากปาปัว และให้ดับไฟป่าที่เกาะสุมาตราและบอร์เนียวที่เป็นสาเหตุของมลพิษทางอากาศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา มีคำเตือนมาตั้งแต่เมื่อวันพุธ (25 ก.ย.) ขอให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในบริเวณที่มีการชุมนุมประท้วง และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
...