หลังศาลฎีกา เลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ฟ้องนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กับพวกคดีทุจริตซื้อที่ดินใช้เป็นที่จอดรถขยะ รถน้ำ และรถอื่นๆ ของกทม.เขตบางซื่อ เป็นช่วงบ่าย แต่เมื่อนายสมคาด สืบตระกูล อดีตเลขานุการผู้ว่าฯกทม.(จำเลยที่ 4) เดินทางมาถึงศาล เวลา 12.00 น. เนื่องจากเมื่อช่วงเช้าทนายความแจ้งต่อผู้พิพากษาว่า นายสมคาด จำเลยที่ 4 ป่วยฉุกเฉิน เข้าพักรักษาตัวโรงพยาบาล แต่ไม่มีใบรับรองแพทย์มายื่นต่อผู้พิพากษา เวลา 12.30 น. ศาลฎีกา จึงอ่านคำพิพากษาก่อนเวลาที่แจ้งไว้ทันที
ศาลฎีกาใช้เวลาอ่านคำพิพากษาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ปรากฏว่า ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับนายพิจิตต (จำเลยที่ 1)จึงพิพากษายกฟ้อง ส่วนนายสมคาด (จำเลยที่ 4) และนายชวน พัฒนวรานนท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตบางซื่อ(จำเลยที่ 8) ศาลฎีกาเห็นว่ากระทำผิดตามฟ้อง และเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุกจำเลยที่ 4 เป็นเวลา 5 ปี จำเลยที่ 8 เป็นเวลา 7 ปี ขณะที่จำเลยอื่นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องไปแล้ว จากนั้นนายพิจิตต เปิดเผยว่า สู้คดีมา 19 ปี ก็ยาวนานมากแต่ถือว่าทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน พร้อมยืนยันว่าอยากทำงานเพื่อสังคมต่อไปแบบไม่ต้องมีตำแหน่งอะไรเลย
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2538 - 16 กันยายน พ.ศ. 2540 นายพิจิตต นายญาณเดช ทองสิมา อดีตรองผู้ว่าราชการ กทม. นายมหินทร์ ตันบุญเพิ่ม อดีตที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกทม. นายสมคาด นายประเสริฐ สมะลาภา อดีตปลัดกทม.นายสมควร รวิรัฐ หรือรวิรัช ผู้อำนวยการสำนักการคลัง กทม. นางอรุณพรรณ แก้วมรินทร์ อดีตผู้อำนวยการกองระบบการคลัง และนายชวน จำเลยที่ 1-8 ใช้อำนาจในหน้าที่ให้กทม.จัดซื้อที่ดินใช้เป็นที่จอดรถขยะ รถน้ำ และรถอื่นๆ ของกทม. เขตบางซื่อ ในราคา 270 ล้านบาท ซึ่งแพงเกินจริงเป็นเงินกว่า 36 ล้านบาท และรับค่านายหน้าขายที่ดินเป็นเงิน 18 ล้านบาท พนักงานอัยการจึงยื่นฟ้องในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตประพฤติมิชอบร่วมกันเรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ