หลังจากเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินขับไล่ รุ่นสควอ ดรอน 242 ชนกับเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ รุ่น KC-130J ของหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯประจำญี่ปุ่นและตกในมหาสมุทรแปซิฟิก นอกชายฝั่งของญี่ปุ่น ขณะฝึกซ้อมเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ปีที่แล้ว นักบินจากเครื่องบินทั้งสองลำ เสียชีวิตรวม 6 ศพ และสูญเสียเครื่องบินรบมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อมากองกำลังสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย ร่วมปฏิบัติการค้นหาซากเครื่องบิน ใช้เวลาค้นหาทางอากาศและทางทะเลกว่า 800 ชั่วโมง จนพบและเริ่มเก็บกู้ซากเครื่องบินระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม ถึงวันที่ 7 มิถุนายน พร้อมศพนักบิน และกล่องดำ 2 ชิ้นที่บันทึกเสียงสนทนาในห้องนักบินและบันทึกข้อมูลการบิน ซึ่งกองทัพเรือสหรัฐฯได้นำไปตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุ
ล่าสุด พล.ท.เอช สเตซี คลาร์ดี ผู้บัญชาการหน่วยเครื่อนที่เร็วของหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯประจำญี่ปุ่น เปิดเผยว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เครื่องบินทั้งสองลำชนกัน เกิดจากปัญหาการฝึกบินที่น้อยเกินไป การตัดสินใจไม่เด็ดขาดและนักบินขาดความรู้และประสบการณ์ พร้อมทั้งย้ำว่า นักบินจะต้องเพิ่มความระมัดระวังทำตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยและประเมินความเสี่ยงต่างๆ ขณะฝึกซ้อม พร้อมทั้งขอให้กำลังพลทุกคนเรียนรู้จากปัญหาข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นและไม่ทำให้เกิดปัญหาผิดพลาดเช่นนี้อีก อุบัติเหตุดังกล่าวทำให้นาวิกโยธินทั้ง 5 คนจากเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศเสียชีวิต สำหรับเครื่องบินรบ มีนักบิน 2 คน ในตอนแรกหน่วยกู้ภัยสามารถช่วยเหลือนักบินทั้งสองคนได้ แต่ต่อมา 1 ในนักบิน 2 คนเสียชีวิต ส่วนนักบินคนที่ 2 เป็นคนเดียวที่รอดชีวิต
CR:CNN