ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมและกล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศสมาชิกอาเซียน ในการประชุม United Nations Climate Action Summit 2019 โดยยอมรับว่าอาเซียนมีความเปราะบางสูงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นภัยคุกคามต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาค อาเซียนจึงพยายามดำเนินมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศกับประชาคมโลกในทุกระดับ โดยสมาชิกอาเซียนทั้งหมดได้เข้าเป็นภาคีความตกลงปารีส และได้ประกาศการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDCs) แล้ว และมียุทธศาสตร์ภายใต้แผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 2025 เพื่อมุ่งสู่การมีสภาพภูมิอากาศที่ยั่งยืนและชุมชนที่มีภูมิต้านทาน ทั้งในเรื่องการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และลดการใช้เชื้อเพลิงของยานพาหนะ นายกรัฐมนตรีย้ำด้วยว่าไม่มีประเทศใดที่สามารถต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้เพียงลำพัง โดยอาเซียนพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนกับประชาคมโลกในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศเพื่อประกันความยั่งยืนให้กับอนุชนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
ด้านน.ส.เกรต้า ทุนเบิร์ก นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมวัย 16 ปีชาวสวีเดน กล่าวในที่ประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศว่า เธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่ ในเวลานี้เธอควรจะอยู่ในห้องเรียนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทร แต่ผู้นำประเทศต่าง ๆ กลับโยนปัญหามาให้กับคนรุ่นใหม่ซึ่งถือว่าเป็นการขโมยความฝันและวัยเด็ก ด้วยคำพูดที่ว่างเปล่า และกล่าวด้วยว่า ผู้คนกำลังเดือดร้อน ผู้คนกำลังจะตาย ระบบนิเวศน์ทั้งหมดต่างล้มครืน เรากำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ แต่สิ่งที่ผู้นำประเทศต่าง ๆ พูดถึงมีแต่เรื่องของเงิน และนิทานเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่ผิดหวัง และเข้าใจแล้วว่ากำลังถูกหักหลัง
นอกจากนี้ น.ส.เกรต้าและตัวแทนของกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นนักรณรงค์รวม 16 คน ได้ร่วมกันยื่นคำร้องทางกฎหมายอย่างเป็นทางการต่อสหประชาชาติ กล่าวหาว่า 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี บราซิล อาร์เจนติน่า และตุรกี ยังไม่มีมาตรการที่เพียงพอในการต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก
ด้านนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรซ เลขาธิการใหญ่ องค์การสหประชาชาติ เรียกร้องให้ผู้นำประเทศต่าง ๆ ทำตามข้อตกลงในสนธิสัญญากรุงปารีสว่าด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก
อย่างไรก็ตามในการประชุมครั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ แต่ไม่มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมในประเด็นนี้ โดยไปเข้าร่วมการประชุมในหัวข้อเสรีภาพของการนับถือศาสนา แต่เขาก็เข้ามาในห้องประชุมประมาณ 10 นาทีหลังจากที่น.ส.เกรต้ากล่าวจบไปแล้ว และกล่าวขณะที่เดินออกจากห้องประชุมว่า เขาสนับสนุนให้มีอากาศและน้ำที่บริสุทธิ์ และทุกชาติควรจะร่วมมือกันทำในสิ่งที่ควรทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
ส่วนในการประชุมหัวข้อเสรีภาพของการนับถือศาสนา ประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆทั่วโลกยุติการข่มเหงทางศาสนา ซึ่งแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดถึงกรณีที่รัฐบาลจีนปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ แต่ก็ยังถูกเชื่อมโยงไปถึง เนื่องจากเมื่อวันอาทิตย์ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯ เพิ่งกล่าววิพากษ์วิจารณ์นโยบายของทางการจีนต่อชาวอุยกูร์ รวมถึงการส่งเข้าค่ายกักกัน ซึ่งจีนเรียกว่าศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย
จากสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่หลายจังหวัดภาคใต้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ฝุ่นควันเหล่านี้เป็นฝุ่นที่ถูกพัดพามาจากต่างประเทศ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือการแจ้งประชาชนในเรื่องการใช้ชีวิต และกระทรวงสาธารณสุขออกแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ในบางพื้นที่สามารถฉีดละอองน้ำเพื่อลดผลกระทบได้ แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีฝนตกในพื้นที่เพื่อสถานการณ์เบาบางลง
ศาลจังหวัดขอนแก่น มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตนายนวัธ เตาะเจริญสุข (ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย) และให้ชดใช้ค่าปลงศพเป็นเงิน 300,000 บาทแก่ครอบครัวนายสุชาติ โคตรทุม ผู้เสียชีวิต กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2556 นายนวัธ ใช้จ้างวานให้บุคคลทั้ง 4 ที่ถูกจับกุมและศาลได้มีการตัดสินไปก่อนหน้านี้ ฆ่านายสุชาติ ซึ่งเป็นปลัด อบจ.ขอนแก่น ที่หน้าบ้านพัก โดยมีพยานหลักฐานต่างๆสอดคล้องต้องกัน จึงทำให้เห็นถึงมูลเหตุจูงใจในการฆ่า อีกทั้งพยานยังคงยืนยันทั้งพยานบุคคล นิติวิทยาศาสตร์ และทางโทรศัพท์
อย่างไรก็ตามคดีนี้ยังไม่มีสิ้นสุด โดยทีมทนายความฝ่ายจำเลยอยู่ในขั้นตอนของการยื่นขอประกันตัว รวมทั้งการเตรียมการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลต่อไป
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี นายพานทองแท้ ชินวัตร อายุ 39 ปี เดินทางมารับฟังการสืบพยานนัดแรกในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินธนาคารกรุงไทย กรณีรับโอนเงินเป็นเช็คจำนวน 10 ล้านบาทเข้าบัญชี ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทยฯ กับเอกชนกลุ่มกฤษดามหานคร การไต่สวนพยานในคดีนี้ ประกอบด้วยพยานโจทก์-จำเลย และตัวจำเลย รวมทั้งสิ้น 5 ปาก ศาลกำหนดวันไต่สวนพยานไว้ 3 นัด ระหว่างวันที่ 24 -26 กันยายนนี้ พร้อมกำหนดวันพิพากษาคดีล่วงหน้าไว้ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.00 น.
...
ภาพจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล