+++การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค(เอเปก) ปิดฉากลงแล้ว ที่กรุงปักกิ่ง ของจีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกล่าวว่า ที่ประชุมเอเปก เห็นชอบแผนการตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (เอฟทีเอเอพี) ที่จีนผลักดัน ถือเป็นก้าวประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและพันธกิจของสมาชิกเอเปก ที่จะส่งเสริมการรวมตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ และเปิดตัวกระบวนการมุ่งสู่เอฟทีเอเอพีอย่างเป็นทางการ ปัจจุบัน 21 สมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปกมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) รวมกันกว่าครึ่งหนึ่งของจีดีพีโลก มีมูลค่าการค้าเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งโลก และมีประชากรร้อยละ 40 ของประชากรโลก
+++ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ กล่าวชมจีนที่มุ่งมั่นทำหน้าที่ในเอเปก จนกระทั่งได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเรื่องการตั้งเอฟทีเอเอพี หลังจากที่มีการเสนอครั้งแรกเมื่อปี 2549 ขณะเดียวกันได้ย้ำจุดยืนของสหรัฐฯที่ให้ความสำคัญเป็นหลักต่อความเป็นหุ้นส่วนข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก (ทีพีพี) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าและไม่มีจีนเข้าร่วมว่า ความริเริ่มจำนวนมากในภูมิภาคจะมีส่วนทำให้เอฟทีเอเอพีเป็นจริง และการที่สหรัฐฯให้ความสำคัญกับทีพีพีก็จะมีส่วนด้วยเช่นกัน
+++ส่วนผู้นำโลกทั้งสองคน ประธานาธิบดีโอบามาของสหรัฐฯและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เป็นคนที่ละเอียดละออด้วยกันทั้งคู่ ปกติทั้งสองชอบพูดจาให้กำลังใจและหยอกล้อคนนั้นบ้างคนนี้บ้าง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าช่างภาพ ผู้นำทั้งสองเดินผ่านกันอย่างระมัดระวังในการประชุมเอเปก ทั้งนายโอบามาและนายปูติน ต่างทำตัวเสมือนเป็นเพื่อนสนิทของประธานาธิบดีสี ของจีน นายสี ในฐานะเจ้าภาพเดินนำหน้าทุกคนเข้าห้องประชุม นายปูติน กล่าวโดยหันหน้าไปทางนายโอบามาว่า ห้องประชุมนี้สวยงามนะ นายโอบามา ตอบในลักษณะสงวนท่าทีว่า ใช่ สวยงาม แต่ไม่ได้หันมาสบตากับนายปูติน แต่ตอบไปในลักษณะที่ไม่พูดตอบกับใครโดยเฉพาะ
+++โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ สังกัดทำเนียบขาว เปิดเผยา ผู้นำทั้งสองได้พูดคุยกันหลายเรื่องทั้งเรื่องอิหร่าน ซีเรีย และยูเครน รวมเวลาพูดคุยกันทั้งหมดประมาณ 15-20 นาทีความสัมพันธ์สหรัฐฯ และรัสเซีย สั่นครอนถึงระดับต่ำสุดตั้งแต่หลังสงครามเย็น เพราะรัสเซียผนวกคาบสมุทรไครเมียและมีบทบาทกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มแยกดินแดนทางตะวันออกของยูเครน ทำให้ถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร ส่วนปัญหาสงครามกลางเมืองในซีเรีย รัสเซียเป็นพันธมิตรสำคัญของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาดที่ถูกสหรัฐฯขู่จะใช้กำลังทหาร จนกระทั่งซีเรีย ยอมทำลายอาวุธเคมี
+++อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีปูติน ตกเป็นประเด็นร้อน กลางงานเลี้ยงเอเปกเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เข้าร่วมประชุม มีการแสดงพลุตามธรรมเนียม และมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน ( ซีซีทีวี ) ด้วย ทั้งนี้ การแสดงจัดขึ้นนอกสถานที่ และประธานาธิบดีปูติน ซึ่งนั่งข้างนางเผิง ลี่หยวน ภริยาของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการวางผ้าคลุมลงบนไหล่ของสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของจีน ซึ่งเธอย่อตัวลงรับอย่างมีมารยาท ก่อนถอดออกแล้วส่งให้ผู้ช่วยที่อยู่ด้านหลัง แล้วรับเสื้อคลุมของตัวเองมาสวมแทน ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้นก็ถูกลบออกจากระบบอินเตอร์เน็ตของจีน สะท้อนให้เห็นว่ามีการควบคุมอย่างเข้มงวดต่อเนื้อหาข่าวสารที่ส่งผลกระทบต่อผู้นำระดับสูง ขณะเดียวกันมันก็แสดงถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างกันเกี่ยวกับพฤติกรรมอันเป็นยอมรับในที่สาธารณะ ระบบเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ทของจีน ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อ "เดอะ เกรท ไฟร์วอลล์"
+++ซาง หลีฟาน นักวิจารณ์อิสระให้ความเห็นว่า จีนมีธรรมเนียมประเพณีอนุรักษ์นิยมเกี่ยวกับการมีปฏิสัมพันธ์ในที่สาธารณะระหว่างชายหญิงที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ชาวบ้านอาจมองการกระทำของนายปูตินไม่เหมาะสม และบางทีท่านผู้นำก็อาจไม่ชอบด้วย
+++ด้านนายหลี่ ซิน ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษารัสเซียและเอเชียกลาง ณ สถาบันศึกษานานาชาติเซี่ยงไฮ้ บอกว่า นายปูติน ก็แค่ทำในแบบของชาวรัสเซียและไม่ได้ล่วงเกินขอบเขตด้านการทูตใดๆ
+++ขณะที่สื่อตะวันตกหลายสำนัก วิจารณ์ท่าทีดังกล่าวของผู้นำรัสเซียไปในทิศทางต่างๆนานา บ้างก็ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการแสดงความมีน้ำใจที่มีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงหรือไม่ เนื่องจากในเวลานี้รัสเซียกำลังถูกตะวันตกคว่ำบาตรอย่างหนักจากวิกฤตการณ์ในยูเครน
+++เสร็จสิ้นจากการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก สายตาชาวโลกก็ต้องจับจ้องไปที่กรุงเนปิดอร์ นครหลวงของพม่า ที่จะเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และการประชุมที่เกี่ยวข้องอีกหลายเวที ขณะที่สหรัฐซึ่งจะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย กำลังจับจ้องอยู่เช่นกันว่าแผนปฏิรูปการเมือง และเศรษฐกิจของพม่าวันนี้ คืบหน้าไปถึงไหนแล้วประธานาธิบดีโอบามา จะเดินทางเยือนพม่าเป็นครั้งที่ 2 ในวันศุกร์นี้ โดยจะพบหารือกับทั้งประธานาธิบดี เต็ง เส่ง และ นางซู จี เพื่อย้ำว่า สหรัฐฯต้องการเห็นการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังเกิดขึ้นในพม่า โดยหลายฝ่ายกำลังกดดันให้สหรัฐฯเร่งกระตุ้นให้พม่าปฏิรูปประชาธิไตยให้เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสรีภาพแก่สื่อมวลชน และยุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิมโรฮิงญา
+++เกิดเหตุตำรวจปราบจลาจลปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงเม็กซิโกบนท้องถนนในเมืองเอกชิลปังซิงโก เนื่องจากผู้ประท้วงโกรธแค้นเหตุที่อ้างว่านักศึกษา43คนที่ถูกลักพาตัวไปก่อนหน้านี้ ถูกเผาเสียชีวิต โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุประท้วงประมาณ1,000ราย ซึ่งเป็นนักศึกษาและสหภาพครูซีอีทีอีจี รวมตัวกันเดินประท้วงซึ่งใช้ไม้และก้อนหินเป็นอาวุธ พร้อมกับปาก้อนหินเข้าใส่ตำรวจ โดยตำรวจได้ปาหินตอบโต้กลับเช่นกัน และจุดไฟเผาอาคารสำนักงานใหญ่พรรคปฏิวัติสถาบัน(พีอาร์ไอ) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ตำรวจ เปิดเผยวา มีผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะกันอย่างน้อย3คน หนึ่งในนั้นคือช่างภาพจากสำนักข่าวเอเอฟพี
+++รัฐคุชราต ของอินเดีย ออกข้อบังคับให้ผู้เป็นตัวแทนของหน่วยราชการ จะต้องมีสุขาที่บ้าน เพื่อลดพฤติกรรมขับถ่ายกลางแจ้ง ร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบจากสภารัฐคุชราต กำหนดให้สมาชิกรัฐบาลทั้งหมดต้องเปิดเผยข้อมูลว่าพวกเขามีสุขาที่บ้านหรือไม่ภายในเวลา 6 เดือน มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าการรัฐ ทางการรัฐคุชราต กล่าวว่า การควบคุมการขับถ่ายกลางแจ้งเป็นสิ่งสำคัญมากต่อการสร้างสุขลักษณะและความสะอาด รวมถึงการป้องกันการปนเปื้อนในน้ำ ขณะนี้ทางการรัฐกำลังมอบเงินให้กับชาวบ้านในท้องถิ่นเพื่อจูงใจให้พวกเขาสร้างสุขาที่บ้าน แต่ก็ต้องการเป็นตัวอย่างให้กับพวกเขาด้วย.-
+++เกิดความ ผิดพลาดในการทำหมันให้กับหญิงอินเดียที่รัฐฉัตติสครห์ ภาคกลางของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ศพ และอาการยังไม่พ้นขีดอันตรายกว่า 20 คน มีการทำหมันให้กับหญิงอินเดีย 83 คนในเขตพิลาสปุระของรัฐเมื่อวันเสาร์ แต่หญิงหลายคนเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นทำให้ต้องส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลหลายแห่ง 64 คน ในจำนวนนี้ 24 คนอาการยังไม่พ้นขีดอันตราย ซึ่งผู้หญิงเหล่านี้เริ่มมีอาการผิดปกติตั้งแต่วันจันทร์ ได้แก่ ชีพจรอ่อนและอาเจียน และขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 คน รัฐบาลอินเดียตั้งกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้แล้ว และชาวเมืองในเขตพิลาสปุระออกมาชุมนุมเรียกร้องเมื่อวันอังคารให้ลงโทษนายแพทย์ที่ทำหมันโดยทันที โดยนายแพทย์เพียงคนเดียวกับผู้ช่วยอีก 1 คน และใช้เวลาแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของเขตพิลาสปุระ อาร์.เค.พันเก ยืนยันว่าไม่น่าจะเป็นเพราะความผิดพลาดในการทำหมัน เพราะหมอที่ทำหมันเป็นนายแพทย์ระดับอาวุโสแล้ว ซึ่งจะต้องสอบสวนว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้หญิงเหล่านี้เสียชีวิตและล้มป่วยจำ นวนมาก สาเหตุการเสียชีวิตของผู้หญิงเหล่านี้จะทราบหลังผ่าพิสูจน์ศพแล้ว รัฐบาลแต่ละรัฐในอินเดียมักจะจัดให้มีการทำหมันหมู่บ่อยครั้งตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการคุมกำเนิดประชากร เพราะเกรงว่าในอนาคตอินเดียจะมีประ ชากรมากกว่าจีน โดยมีการมอบเงินจูงใจผู้หญิงให้มาทำหมันคน ละ 1,400 รูปี หรือราว 746 บาท และบางรัฐมอบสิ่งของได้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับคู่สมรสเพื่อให้มาทำหมันด้วย
+++ไลบีเรีย แถลงพบผู้ติดเชื้ออีโบลารายใหม่ลดลงอย่างฉับพลัน อีกหนึ่งสัญญาณบวกที่บ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสเริ่มชะลอลงแล้ว ทอลเบิร์ต เอ็นเยนสวาห์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีสาธารณสุขไลบีเรียเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากระดับสูงสุดมากกว่า 500 คนต่อวันเหลือแค่ราวๆ 50 คนต่อวันเท่านั้น แต่ก็เตือนว่า ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ทั่วประเทศ ไลบีเรียคือชาติที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน แต่ก็บวกแค่ในกรอบแคบๆเท่านั้น เนื่องจากเป็นวันหยุดทหารผ่านศึกของสหรัฐฯ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1.16 จุด ปิดที่ 17,614.90 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.42 จุด ปิดที่ 2,039.68 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 8.94 จุด ปิดที่ 4,660.56 จุด
+++ราคาน้ำมันปิดผสมผสาน หลังตลาดเก็งว่าโอเปกจะลดกำลังผลิตจัดการกับปัญหาอุปทานล้นหรือไม่ สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ ปิดที่ 77.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 67 เซนต์ ปิดที่ 81.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2010
+++ราคาทองคำ ขยับขึ้นเล็กน้อย จากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน หลังร่วงลงกว่าร้อยละ 2 เมื่อวันจันทร์ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,163.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++คณะกรรมาธิการความปลอดภัยสินค้าบริโภคในสหรัฐ(ซีพีเอสซี)แถลงว่า พบเด็ก2 คน สำลักชิ้นส่วนนกหวีดฮัลโหลคิตตี้ ที่แจกอยู่ในชุดแฮปปี้มีลสำหรับเด็กของร้านอาหารจานด่วนชื่อดังอย่าง แมคโดนัลส์ เนื่องจากนำของเล่นดังกล่าวเข้าปาก โดยหนึ่งในเด็กที่ได้รับรายงานต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลทั้งนี้ทางซีพีเอสซีแถลงว่า ชิ้นส่วนของ “ฮัลโหล คิตตี้ เบิร์ดเดย์ โลลิป๊อป”นกหวีดคิตตี้ที่มีความสูง3นิ้ว สามารถหลุดเข้าไปติดในหลอดลมได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ขณะที่แมคโดนัลส์แจ้งว่า บริษัทได้ผลิตของเล่นชนิดนี้ออกมาราว2.5ล้านชิ้น แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ส่งไปในร้านอาหารจานด่วน อย่างไรก็ตามแมคโดนัลส์ได้ทำการเรียกคืนนกหวีดจำนวน1.6ล้านชิ้น เริ่มแจกตั้งแต่เดือนต.ค.-พ.ย. ในสหรัฐฯและแคนาดา ลูกค้าสามารถนำนกหวีดดังกล่าวมาเปลี่ยนเป็นของเล่นชิ้นอื่นแทนได้