ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์2แนวทางสถานการณ์น้ำมันหลังโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯถูกโจมตี

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินผลกระทบเหตุการณ์โรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ 2 แห่งของซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีทางอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ก.ย. 2 กรณี คือ กรณีที่ซาอุดิอาระเบียไม่ใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ จะทำให้ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ 1-2 สัปดาห์ และทยอยปรับตัวลดลงเข้าสู่ระดับเดิมก่อนเกิดสถานการณ์ คาดว่า จะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปช่วง 4 เดือนหลังของปี 2562 ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.05 จากประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปเดิม ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 0.84  กรณีที่ซาอุดิอาระเบียใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกยืนอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในระดับที่สูงขึ้นมาอยู่ในกรอบ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากเดิมที่เคลื่อนไหวใน 50-70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเมื่อช่วง 8 เดือนที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบโลกที่ขยับขึ้นจะส่งผลต่อระดับราคาพลังงานในประเทศให้ปรับตัวสูงขึ้น จะมีผลกระทบเรื่องการปรับเพิ่มราคาสินค้าและบริการของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับตัวสูงขึ้นจะทำให้การค้าระหว่างประเทศของไทยในปีนี้ เกินดุล ลดลง 1,231 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะส่งผลต่อเนื่องไปยังอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ลดลงร้อยละ 0.2-0.3  ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐในการดูแลราคาพลังงานในประเทศ อย่างไรก็ตาม การเกินดุลการค้าที่ลดลงอาจจะเป็นปัจจัยที่ช่วยบรรเทาแรงกดดันของค่าเงินบาทที่แข็งค่าจากการเกินดุลการค้าของไทยที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

CR:BBC,Reuters