*ทันสถานการณ์โลก 6.30 น.*

11 พฤศจิกายน 2557, 07:28น.


ในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือเอเปก ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวานนี้ เป็นการเจรจาทวิภาคีระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม กับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดที่ดำเนินมานานกว่า 2 ปี เนื่องจากกรณีพิพาทพื้นที่ทับซ้อนหมู่เกาะเตียวหยู หรือเซนกากุ กลางทะเลจีนตะวันออก



ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่ก็อยู่ในความตึงเครียดเช่นกันนั้น  ประธานาธิบดีบารัก โอบามา กล่าวว่า สหรัฐตกลงที่จะยืดการขยายวีซ่าให้แก่ชาวจีนที่เดินทางไปสหรัฐ เนื่องจากเมื่อปีที่แล้วมีชาวจีนไปเยือนสหรัฐ 1,800,000 คน ทั้งนำเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และช่วยการเพิ่มตำแหน่งงาน



นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐยังกล่าวระหว่างการประชุมนอกรอบร่วมกับผู้นำจากอีก 11 ประเทศ ซึ่งเป็นสมาชิกและให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือทีพีพี โดยเรียกร้องทุกประเทศร่วมกันบรรลุข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยสหรัฐฯ พยายามผลักดันความร่วมมือทีพีพีมาตั้งแต่ปี 2548 เพื่อลดอุปสรรค และข้อกีดกันทางการค้า แต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ซึ่งเดินทางมาเข้าร่วมประชุมเอเปกเช่นกัน วิจารณ์ว่าข้อตกลงนี้เอื้อประโยชน์ให้สหรัฐฯ เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์เศรษฐกิจของจีน ที่เห็นว่า รัฐบาลวอชิงตันต้องการใช้ข้อตกลงทีพีพีทดสอบเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของจีน



กลุ่มติดอาวุธอันซาร์ เบอิต อัล มักดิส ในอียิปต์ ประกาศสวามิภักดิ์กลุ่มรัฐอิสลามหรือ ไอเอส ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของไอเอสเหนืออัลกออิดะห์



ส่วนประธานาธิบดีโอบามาเตรียมส่งทหาร 1,500 นาย เข้าไปเสริมทัพในอิรัก เพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านการทหารให้แก่กองทัพรัฐบาลอิรักในการสู้รบกับกลุ่มไอเอส



สำนักงานการบินพลเรือนแห่งบาฮามาส ประเทศเครือจักรภพอังกฤษ แถลงเหตุเครื่องบินเจ็ตตก โดยเครื่องบินลำนี้ มีบาทหลวงไมล์ส มันโร ผู้นำโบสถ์คริสต์ นิกายบาฮามาสเฟธ พร้อมด้วยนักบวชและเจ้าหน้าที่โบสถ์ เดินทางจากเมืองลินเดนเพื่อมายังสนามบินนานาชาติกรุงนัสซอของบาฮามาส แต่ชนเครนก่อสร้างขณะพยายามลงจอด ทำให้บาทหลวง ตลอดจนผู้โดยสารและลูกเรือ 9 ราย เสียชีวิตทันที



ผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนรวมตัวกันเดินขบวนตามท้องถนนในกรุงบูดาเปสต์ของโรมาเนีย เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีวิกตอร์ ออร์บาน แห่งโรมาเนีย ยกเลิกหรือทบทวนนโยบายเพิ่มอัตราการเก็บภาษีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตและผู้ประกอบการเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นการชุมนุมครั้งที่ 2 แล้ว



ส่วนความคืบหน้าเหตุเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่โรงเรียนมัธยมกัฟเวิร์นเมนท์ เทคนิคอล ไซแอนซ์ คอลเลจ ในเมืองโปติสคุม รัฐโยเบ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 48 ศพ เนื่องจากคนร้ายปลอมตัวเป็นนักเรียน เข้าร่วมอยู่ในแถวของนักเรียนประมาณ 2,000 คนแล้วจุดชนวนระเบิด มีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการกระทำของกลุ่มโบโก ฮาราม ที่คัดค้านการศึกษาแบบตะวันตก



ด้านกองทัพฟิลิปปินส์ ประกาศว่า เจ้าหน้าที่ชาวฟิลิปปินส์กว่า 100 คน ที่ประกอบไปด้วยทหาร 108 นาย ตำรวจและเจ้าหน้าที่อีก 24 นาย ซึ่งทำหน้าที่เป็นทหารรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ที่ไลบีเรียและจะกลับถึงกรุงมะนิลาในวันพุธนี้ แต่ทั้งหมดจะถูกส่งไปยังที่ทำการกองทัพเรือบนเกาะกาบัลโญ บริเวณปากอ่าวมะนิลา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เพื่อเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 21 วัน ตามระเบียบการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสอีโบลาขององค์การอนามัยโลก แม้ทั้งหมดจะไม่ได้ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ และเข้ารับการตรวจสุขภาพแล้วก็ตาม



คณะผู้จัดการลงประชามติว่าด้วยการเป็นเอกราชของแคว้นกาตาลุญญา ภูมิภาค ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน ประกาศความสำเร็จ เมื่อประชาชนมากกว่าร้อยละ 80 ออกเสียงสนับสนุน แม้การลงประชามตินี้จะไม่มีผลผูกพันก็ตาม



ที่เม็กซิโก ผู้ประท้วงที่โกรธแค้นเหตุสังหารหมู่นักศึกษาเม็กซิโก 43 คน ไปร่วมการชุมนุม ปิดทางเข้าสนามบินอคาปุลโก ของเมืองตากอากาศริมชายฝั่งแปซิฟิก และส่งผลกระทบต่อผู้ที่กำลังจะเดินทางไปที่สนามบินต้องเดินเท้าเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร



ส่วนอินเดียมีการนำเข้าเหล็กเพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตด้านอสังหาริมทรัพย์ จะเติบโตแบบก้าวกระโดดเร็วที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้ว่าอินเดียจะมีขีดความสามารถในการผลิตได้ตามความต้องการภายในประเทศก็ตาม



ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดตลาดเมื่อคืนนี้ในแนวบวก โดยดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 39.81 จุด หรือร้อยละ 0.23  ปิดที่ 17,613.74 จุด ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล 3 วันติดต่อกัน



เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.34 จุด หรือร้อยละ 0.31 ปิดที่ 2,038.26 จุด



แนสแดค เพิ่มขึ้น 19.09 จุด หรือร้อยละ 0.41 ปิดที่ 4,651.62 จุด



ส่วนราคาน้ำมันกลับลดลงอย่างหนัก โดยสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553



*-*

ข่าวทั้งหมด

X