นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติงบกลางปี 2562 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เนื่องจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสนอ ภายในกรอบวงเงิน 261,533,200 บาท เพื่อดำเนินโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเนื่องจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ของกรมชลประทาน และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รวมจำนวน 78 โครงการ นางนฤมล กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพในการแก้ไขป้องกันอุทกภัยอย่างยั่งยืน ความคุ้มค่าในการดำเนินงานและประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประชาชน ไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน และสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในเดือนก.ย.2562 และเมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินโครงการต่อสทนช. ทั้งนี้ หน่วยงานที่เสนอแผนงานโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ได้แก่ กรมชลประทาน และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส่วนกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ไม่เสนอขอรับสนับสนุนงบประมาณ แต่เสนอให้มีแผนงานโครงการเป่าล้างบ่อบาดาลที่เสียหายจากอุทกภัย
ตามที่ในวันที่ 30 กันยายนนี้ จะครบกำหนดการขยายเวลาการใช้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ที่ร้อยละ 7 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มีมติอนุมัติให้ขยายเวลาการใช้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้อยละ 7 ออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่เหมาะสมที่จะกลับไปใช้อัตราเดิมที่ร้อยละ 10 โดยจะประเมินภาวะเศรษฐกิจในลักษณะปีต่อปี ที่ประชุมครม.ยังอนุมัติมาตรการกระตุ้นการลงทุนตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เสนอ และผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ปตท.และ บางจาก ปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดเพิ่มขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น E85 เพิ่มขึ้น 15 สตางค์ต่อลิตร มีผล 11 กันยายน 2562 เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดที่ 1,665.93 จุด ลดลง 5.29 จุด มูลค่าการซื้อขาย 58,277.80 ล้านบาท ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 2.28 จุด ปิดที่ 26,683.68 จุด นักลงทุนติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในฮ่องกง อย่างใกล้ชิด โดยนางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า การที่ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง ถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง พร้อมทั้งเตือนสหรัฐฯ ไม่ให้เข้ามาแทรกแซงปัญหาภายในของฮ่องกง โดยเฉพาะวิธีจัดการกับปัญหาการประท้วงของกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตย ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้น 73.68 จุด ปิดที่ 21,392.10 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงกรณีสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเร่งสอบสวนคดีของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ และนำผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีพร้อมชดเชยผู้เสียหายและครอบครัว ในฐานะที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้กำชับไปแล้วว่าให้ตรวจสอบให้เกิดความยุติธรรม เที่ยงธรรม ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมายจะต้องถูกลงโทษ ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกประการ ในส่วนของต่างประเทศที่เรียกร้องเราก็รับฟังมาทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายไทยทุกประการ
ศาลอาญา ประทับรับฟ้องคดีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพิเศษ นาคะพันธุ์ อายุ 53 ปี ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำผิดพ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ,ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง 371 อัยการโจทก์ ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2561 บริเวณศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ จำเลยได้ใช้อาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ขนาด .38 SPECIAL ทะเบียน กท2117198 เลขหมายประจำปืน 51953R จำนวน 1 กระบอก ติดตัวไปตามทางสาธารณะ แล้วหันปากกระบอกปืนไปทางรถยนต์รับจ้างสาธารณะ( แท็กซี่ )ที่มีนายพิพัฒน์ สีสะออน ผู้เสียหาย ที่ขับรถแท็กซี่ตามหลังมา พร้อมกับพูดว่า "ขับตามมาทำไม ให้ถอยรถออกไปวิ่งเส้นอื่น"ศาลได้สอบคำให้การจำเลยโดยอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังจนเข้าใจแล้วสอบถาม ปรากฏว่า จำเลยแถลงให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีช่วงบ่ายวันที่ 28 ต.ค.
CR:รัฐบาลไทย