คุมตัวผู้ต้องหาชิงทองร้านออโรร่า ทำแผน 4 จุด พบประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

การจับกุมคนร้ายชาย 1 คน ใช้อาวุธปืนบุกชิงทรัพย์เป็นทองคำรูปพรรณจากพนักงานห้างเพชรทองออโรร่า สาขาตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ถนนสิรินธร เขตบางพลัด ได้ทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวมทั้งสิ้น 155 บาท เงินสดจำนวน 40,000 บาท และขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิกสีแดงหลบหนี เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 5 ก.ย. เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 7  กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หน่วยอรินทราช 26 กองกำกับการต่อต้านก่อการร้ายและฝ่ายสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางพลัด ร่วมกันสืบสวนสอบสวนจนทราบชื่อคนร้ายคือนายอัศวิน บุญเมือง หรือ เอก อายุ 44 ปี และมีพยานหลักฐานเพียงพอว่าทำผิดจริง จนศาลจังหวัดตลิ่งชันพิจารณาออกหมายจับ และเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนทราบว่านายอัศวิน หลบหนีไปอยู่ที่โรงแรมแถวงามวงศ์วาน 18 แยก 4  จึงเดินทางเข้าจับกุม ภายในห้องพบเพื่อนอีก 4 คน จากการตรวจสอบพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดี แต่มีปัสสาวะสีม่วง จึงดำเนินคดีต่อ ขณะที่นายอัศวิน ยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุชิงทองคนเดียว

เมื่อช่วงบ่าย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นำตัวนายอัศวิน มาทำแผนประกอบรับคำสารภาพ 4 จุด คือจุดด้านหน้าห้างที่นำรถยนต์โตโยต้า วีออส มาจอดดูลาดเลา จุดทำแผนที่สอง คือวันเกิดเหตุที่คนร้ายนำรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิกสีแดงมาจอดด้านข้างห้าง จุดร้านชาบู(ข้าน้อยขอชาบู) และจุดสุดท้ายที่ห้างเพชรทองออโรร่า ระหว่างทำแผนนายอัศวินมีสีหน้าเรียบเฉย สื่อมวลชนพยายามสอบถามผู้ต้องหาตอบเพียงว่า “ขอโทษพ่อด้วย” เจ้าหน้าที่ยึดทองรูปพรรณคืนได้ส่วนหนึ่ง น้ำหนักประมาณ 97 บาท จากทั้งหมด 155 บาท เงินสด 13,000 บาท อาวุธปืนจริง ขนาด 11 มม.1กระบอก ปืนปลอม 1 กระบอก รถจักรยานยนต์ 1 คันและเสื้อผ้าที่ใส่วันก่อเหตุ 

พล.ต.ท. สุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า ก่อนวันเกิดเหตุ นายอัศวินขับรถยนต์โตโยต้า วีออส มากับแฟนสาวมาดูลาดเลาก่อน จนวันที่ 5 ก.ย. ได้ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิกสีแดง จอดไว้ด้านข้างห้าง ทำทีมาทานอาหารร้านชาบู (ข้าน้อยขอชาบู) จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่ร้านทองพร้อมใช้ปืนขู่พนักงานและวางกระดาษที่มีข้อความว่า“ขอให้ส่งทองให้ ไม่อยากทำร้าย” “และข้อความยังเขียนอีกว่าในย่าม(ถุงผ้า)มีน้ำกรด” ทำให้พนักงานในร้านกลัวรีบหยิบทองส่งให้  

จากการสอบสวนนายอัศวินอ้างว่าจะเอาเงินไปใช้หนี้เนื่องจากพ่อป่วย แต่ตำรวจไม่เชื่อจนสอบสวนยอมรับสารภาพเอาเงินไปซื้อยาเสพติดเพื่อปาร์ตี้ยากับเพื่อนๆ และอีกส่วนเก็บไว้กับตัวและยังพบหลักฐานอีกว่านายอัศวินเคยเป็นผู้ต้องหาค้ายาเสพติดที่ จ.ชุมพร และรับสารภาพว่าเคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจริง เบื้องต้นคาดว่าผู้ต้องหาน่าจะนำเงินไปใช้หนี้ยาเสพติดด้วย

ผู้สื่อข่าว:อรอุมา แคนดา