ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์คดีโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี โดยองค์คณะในชั้นอุทธรณ์พิพากษาแก้เพิ่มโทษจำคุกนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อีก 6 ปี รวมแล้วให้จำคุก 48 ปี โดยเห็นว่านายบุญทรง พร้อมด้วยนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เป็นจำเลยที่ 1 เห็นชอบให้ทำและแก้ไขสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ 4 ฉบับ ซึ่งเป็นการกระทำโดยทุจริตและไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
นอกจากนั้น ยังพิพากษาให้จำคุกจำเลยอีก 3 คน ได้แก่ นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท เค. เอ็ม. ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด, นางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท เจียเม้ง จำกัด คนละ 4 ปี พร้อมปรับคนละ 25,000 บาท และให้จำคุก นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วน โรงสีกิจ ทวียโสธร เป็นเวลา 8 ปี พร้อมปรับ 50,000 บาท แต่โทษจำคุกของทั้ง 3 คนให้รอไว้ 3 ปี องค์คณะในชั้นอุทธรณ์ยังพิพากษาให้ปรับจำเลยอีก 4 ราย ที่เป็นบริษัทต่างๆอีกรายละ 25,000 บาท
ส่วนค่าเสียหายทางแพ่งให้จำเลย 3 ราย คือบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำเลยที่ 10, นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง นักธุรกิจค้าข้าว จำเลยที่ 14 และนายนิมล รักดี จำเลยที่ 15 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 20,057 ล้านบาท นอกจากนี้ยังให้จำเลยอีก 6 ราย ร่วมกันชำระเงินเป็นค่าเสียหายทางแพ่งตามคำสั่งที่ศาลสั่งไว้ด้วย
หลังการอ่านคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวจำเลยที่ต้องโทษจำคุกทั้งหมดไปยังเรือนจำทันที โดยครอบครัวของจำเลยต่างอยู่ในอาการเสียใจ
ด้านนายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บุตรชายนายบุญทรง ยอมรับว่า รู้สึกช็อคหลังรู้คำพิพากษา แต่ก็ต้องยอมรับคำตัดสินของศาลฎีกาฯ พร้อมรับว่า ด้านการต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมคงสิ้นสุดเพียงเท่านี้ แต่จะไปปรึกษากับทนายของคุณพ่อและตัวคุณพ่ออีกครั้งถึงแนวทางเกี่ยวกับการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป ส่วนสุขภาพของคุณพ่อก็ดีขึ้นบ้าง แต่ยังมีปัญหากับการเดินและยังต้องผ่าตัดหลังอีกรอบ ทั้งนี้คุณพ่อได้บอกให้เข้มแข็ง, ให้เดินหน้างานการเมืองต่อและให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด