พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการช่วยเหลือประชาชน ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด 17 ภาคเหนือเข้าร่วมประชุมว่ารัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในระยะสั้น เช่น การฝึกอาชีพหลังน้ำลด และจัดหางบประมาณให้ตามระเบียบการให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งกำชับเรื่องพื้นที่กักเก็บน้ำ ให้หาแนวทางคุยกับเอกชนที่มีพื้นที่เพื่อจัดทำพื้นที่กักเก็บน้ำในโครงการต่างๆ พร้อมทั้งจะต้องหาแนวทางในการบริหารจัดการน้ำอย่าให้เกิดการระบายน้ำทิ้งอย่างเดียว แต่ต้องเอาน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ทางด้านพื้นที่การเกษตรด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ มีการสูญเสียมากกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไกที่มีแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ประชาชน ขณะเดียวกันประชาชนจะต้องไม่ประมาท เช่น การเข้าไปในพื้นที่น้ำไหลแรงแล้วถูกน้ำพัดเสียชีวิต โดยที่ จ.ร้อยเอ็ด เสียชีวิต 4 คน จ.ขอนแก่น 3 คน เตรียมการทำงานอย่างต่อเนื่องเรื่องพายุลูกใหม่ นอกจากนี้ พื้นที่แนวลุ่มน้ำเจ้าพระยาก็ต้องเตรียมความพร้อมด้วยและต้องประสานงานกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ในการบริหารจัดการน้ำภาพรวม เน้นความสำคัญตอนนี้คือ การนำน้ำไปเก็บไว้ในพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในภายหลังฤดูน้ำแล้ง ซึ่งจะต้องมีการจัดทำแผนเป็นรายจังหวัด
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน แจ้งเตือน 7 จังหวัดแนวสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่ช่วงเย็นวานแล้วให้เฝ้าระวัง เนื่องจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จะระบายน้ำเพิ่มเป็น 750 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้แม่น้ำน้อย บริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล ต.หัวเวียง ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำจะเริ่มเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ระดับน้ำจะสูงประมาณ 10-20 ซม.ก่อนหน้านี้ประสาน จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และ ลพบุรี ให้เฝ้าระวัง นายชูเกียรติ บุญมี นายกเทศมนตรีตำบลบางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ชาวบ้านเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง จากข้อมูล ระบุว่า หากเขื่อนเจ้าพระยา ปล่อยน้ำเกินกว่า 800 ลบ.ม./วินาทีขึ้นไป ระดับน้ำจะล้นตลิ่งในพื้นที่ อ.บางบาล ที่ ต.บางหัก ต.บางหลวงโดด ต.บางชะนี ต.บ้านกุ่ม และหากเกินกว่า 1,300 ลบ.ม./วินาทีขึ้นไป จะขยายพื้นที่น้ำล้นตลิ่งไปในส่วนของชุมชนที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำลำคลองกว่า 10 ตำบล
การติดตามคนทำร้ายฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ "บิลลี่"แกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า คดีขึ้นสู่ศาลจะเป็นการต่อสู้กันด้วยหลักนิติวิทยาศาสตร์คาดไม่เกิน 2-3 เดือนจะสามารถสรุปสำนวนสั่งคดีได้ ระหว่างนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ขอเวลา 1 เดือนเต็มในการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจากชิ้นส่วนกระดูก 20 ชิ้นที่งมขึ้นมาได้จากลำน้ำในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และในวันนี้ดีเอสไอจะลงพื้นที่ให้กำลังใจภรรยานายบิลลี่ที่บ้านโป่งลึกด้วย พร้อมชี้แจงข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของการตรวจสอบดีเอ็นเอไมโตรคอนเดียของชิ้นส่วนกระดูกตรงกับดีเอ็นเอของนางโพเราะจี รักจงเจริญ แม่ของนายบิลลี่ ยืนยันว่า ดีเอ็นเอที่ตรวจพบตรงตามสายพันธุ์ที่สืบทอดจากแม่สู่ลูก ในชั้นสอบสวนดีเอสไอ เชื่อว่าจะต้องมีข้อโต้แย้งเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของหลักฐาน จึงได้สอบสวนจนครบถ้วนสมบูรณ์ว่าแม่ของนายบิลลี่มีลูกทั้งหมดกี่คนซึ่งได้รับการยืนยันว่าทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึง เรื่องการเยียวยาตามพ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 ว่าได้สั่งการให้นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวนายบิลลี่แล้ว ต้องให้คณะกรรมการพิจารณาให้เสร็จโดยเร็วคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน(กป.อพช.)และองค์กรภาคี 99 องค์กร และบุคคล 169 รายชื่อ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์เรียกร้อง 5 ข้อต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายประยงค์ ดอกลำไย ประธานกป.อพช.กล่าวว่า จะขอเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ ให้กำกับดูแลสอบสวนเรื่องนี้ ไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก พร้อมผลักดันกฎหมายคุ้มครองไม่ให้เกิดการอุ้มหายและทรมานอีกต่อไป
ศาลอาญา นัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 ฟ้อง บจก.ไร่ส้ม นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตกรรมการผู้จัดการ บจก.ไร่ส้ม น.ส.มณฑา ธีระเดช กรรมการ บจก.ไร่ส้ม น.ส.พิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่จัดคิว อสมท. ร่วมกันฉ้อโกง และปลอมเอกสารสิทธิ-ใช้ หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม ยื่นเป็นหลักฐานคิดค่าโฆษณาส่วนเกินในรายการคุยคุ้ยข่าว ปี 2549 ทำให้ บจก.ไร่ส้ม ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาหรือเสียค่าโฆษณาส่วนเกินน้อยกว่าความเป็นจริง ความเสียหายกว่า 138 ล้านบาท ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งยืนให้จำหน่ายคดี เพราะเป็นการฟ้องซ้ำ กับคดีหลักที่ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางไปแล้ว อัยการโจทก์ยื่นฎีกา ขอให้ศาลรับคดีไว้พิจารณา ในวันนี้จำเลยทั้งหมดจะต้องเดินทางมาศาล เพื่อฟังคำสั่งศาลฎีกาด้วย